โรคพยาธิไส้เดือนกลม (Ascariasis)

โรคนี้เกิดจากหนอนพยาธิขนาดใหญ่ชื่อ Ascaris lumbricoides พบมากทางภาคใต้ของไทย พยาธิตัวแก่อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก แย่งอาหารที่ย่อยแล้วในลำไส้กิน ตัวหนึ่ง ๆ มีอายุนาน 6-12 เดือน ตัวเมียตัวหนึ่งออกไข่วันละสองแสนฟอง ไข่จะออกมา พร้อมกับอุจจาระ หากลงดิน เมื่อมีความชื้นและอุณหภูมิพอเหมาะ เซลล์ในไข่จะเจริญเป็นตัวอ่อนใน 14 วัน

เมื่อคนกินไข่พยาธิในระยะที่มีตัวอ่อนอยู่ภายใน (fertilized/embryonated egg) พยาธิตัวอ่อนจะฟักตัวออกมา ไชทะลุลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดไปตามอวัยวะต่าง ๆ แล้วกลับมาที่ลำไส้เล็กเจริญเป็นตัวแก่ต่อไป

อาการของโรค

โรคนี้มักพบในเด็กวัยกำลังซุกซน อาการแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

1. อาการที่เกิดจากพยาธิตัวอ่อนกำลังเดินทาง

ขณะที่พยาธิตัวอ่อนกำลังเดินทางไปยังปอดนั้น ผู้ป่วยอาจมีไข้ ไอ หายใจแน่น หอบเหนื่อย และไอเป็นเลือดได้ นอกจากนั้นอาจมีอาการลมพิษ หน้าบวม ถ้าตรวจเลือดจะพบเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลมีจำนวนมากขึ้น ถ้าพยาธิตัวอ่อนมีจำนวนมาก จะเกิดภาวะปอดอักเสบที่เรียกว่า Ascaris pneumonia หรือ Loeffler's syndrome

นอกจากนี้ พยาธิตัวอ่อนอาจทำให้เกิดอาการตามอวัยวะที่มันไปเช่น ที่สมอง ไขสันหลัง หัวใจ และไต

2. อาการที่เกิดจากพยาธิตัวแก่ในลำไส้

พยาธิตัวแก่จะแย่งกินอาหาร ทำให้เป็นโรคขาดอาหารโดยเฉพาะพวกโปรตีน ถ้ามีพยาธิจำนวนมาก พยาธิอาจจับกลุ่มกันเป็นก้อนอุดกั้นทางผ่านของอาหารได้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องบิดอย่างรุนแรง ท้องอืด และอาเจียนเป็นอาหารที่ทานเข้าไป ถ้าพยาธิไชเข้าไปในท่อน้ำดีจะเกิดอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง

ผู้ป่วยที่มีพยาธิไส้เดือนกลมอยู่ในลำไส้ เวลามีไข้เนื่องจากสาเหตุใดก็ตามมักมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งอาจเป็นเพราะตัวพยาธิดิ้นเพราะมันทนต่ออุณหภูมิสูงไม่ได้

การวินิจฉัย

สามารถวินิจฉัยโรคได้ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

  1. ตรวจอุจจาระพบไข่พยาธิชนิดนี้
  2. พบพยาธิตัวแก่ออกมาในอุจจาระหรือสิ่งที่อาเจียน
  3. ส่องกล้องเข้าไปในทางเดินอาหารพบตัวพยาธิ

บางครั้งการตรวจระบบทางเดินอาหารด้วยการกลืนแป้งที่มีสารทึบรังสี (barium) อาจเห็นลักษณะเงาของพยาธิได้ แต่ถ้าเห็นก็ต้องจับตัวให้ได้ด้วยวิธีอื่นเพื่อนำมาวิเคราะห์หาชนิดของพยาธิต่อไป