โรคคออักเสบจากไวรัส (Viral pharyngitis)

ไวรัสที่ทำให้เกิดอาการหวัดมักทำให้เกิดคออักเสบร่วมด้วย อาการเจ็บคอจากไวรัสไม่จำเป็นต้องทานยาปฏิชีวนะ (ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) โดยทั่วไปโรคจะหายเองใน 1 สัปดาห์ เชื้อที่เป็นสาเหตุได้แก่ rhinovirus, coronavirus, adenovirus, parainfluenza, influenza, coxsackie A, herpes simplex, EBV, และ cytomegalovirus

อาการและการวินิจฉัย

  • อาการที่บอกเป็นนัยว่าเป็นคออักเสบจากไวรัสก็เช่น
    1. มีอาการเจ็บคอร่วมกับอาการหวัด (เช่น น้ำมูกไหล จาม คัดจมูก มีไข้ ปวดเนื้อตัว ไอ เป็นต้น) อาการเจ็บคอไม่รุนแรงมาก และเป็นไม่เกิน 4 วัน ดูภายในคอแดงเล็กน้อย ไม่มีจุดขาวที่ทอนซิล
    2. มีอาการครบองค์สามของเชื้อ adenovirus ซึ่งได้แก่ ไข้ คออักเสบ และเยื่อบุตาอักเสบ พบบ่อยในเด็กและวัยหนุ่มสาว มักติดมาจากการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ ผู้ป่วยจะมีไข้สูง เจ็บคอ และตาแดง โรคนี้จะเป็นประมาณ 3-5 วันก็หายไปเอง
    3. ตรวจพบตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ ที่ริมฝีปาก เพดานอ่อน หรือผนังคอ ร่วมกับอาการเจ็บคอเวลากลืน ซึ่งสาเหตุของโรคคือ herpes simplex virus type 1 ต่อมาตุ่มน้ำเล็ก ๆ นี้จะขุ่นจนดูคล้ายหนอง แล้วแตกเป็นแผลตื้น ๆ และตกสะเก็ดในเวลาอันรวดเร็ว โรคนี้มีอาการไม่รุนแรง แต่จะเป็นอยู่นานประมาณ 10-14 วัน เชื้อไวรัส coxsackie A ก็ทำให้เกิดตุ่มน้ำที่เพดานอ่อนและลิ้นไก่ได้คล้ายกัน แต่จะเริ่มจากตุ่มแดงก่อน แล้วจึงกลายเป็นตุ่มน้ำ แล้วแตกเป็นแผล ไม่ตกสะเก็ด อาการของโรคจะเป็นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์
    4. ตรวจนับเปอร์เซ็นต์ของนิวโตรฟิลในเลือดแล้วยังไม่เกินร้อยละ 80
  • อาการที่บอกเป็นนัยว่าเป็นคออักเสบจากแบคทีเรีย และควรให้ยาปฏิชีวนะไปก่อน ได้แก่
    1. มีอาการเจ็บคอร่วมกับอาการกลืนลำบาก
    2. ตรวจพบจุดหรือแผ่นขาวที่ทอนซิลหรือที่คอหอย
    3. มีไข้สูง คอหอยแดงจัดใน 1-2 วันแรก ซึ่งมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย S. pyogenes
    4. ตรวจเลือดพบจำนวนนิวโตรฟิลเกินร้อยละ 80

การตรวจทางซีโรโลยี่และการเพาะเชื้อที่คอควรทำเฉพาะในรายที่สงสัยว่าจะเป็นคออักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่ควรทำทุกราย เพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก และผลตรวจใช้เวลา 3-7 วัน ไม่ช่วยในการรักษา

การรักษา

โรคคออักเสบจากไวรัสให้การรักษาตามอาการเท่านั้น ที่สำคัญต้องให้ทานน้ำให้เพียงพอกับภาวะไข้ และควรให้ทานเป็นอาหารอ่อน อาจให้ยาลดไข้หรือยาแก้ปวด ถ้าเช็ดตัวแล้วไข้ยังไม่ลด