การตรวจสุขภาพทารกวัย 7-12 เดือน
(Late Infant Check-up)
การนัดตรวจสุขภาพของเด็กวัยนี้จะเริ่มห่างขึ้นตามกำหนดการฉีดวัคซีน แต่ยังเน้นที่การประเมินการเจริญเติบโต พัฒนาการในด้านต่าง ๆ สังเกตอารมณ์และพฤติกรรมของเด็ก วัยนี้จะเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้น จะได้รับการตรวจฟัน ฝึกให้เด็กแปรงฟัน พ่อแม่เรียนรู้ที่จะให้อาหารเสริมนอกจากนม เด็กจะได้รับการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองภาวะโลหิตจาง และคัดกรองความเสี่ยงต่อการสัมผัสสารตะกั่ว หากมีจะได้ตรวจระดับสารตะกั่วในเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง
การสร้างเสริมวินัยในบ้านควรเริ่มตั้งแต่วัยนี้ แต่ให้พอเหมาะกับวัย เช่น ให้รู้จักเวลาทำกิจวัตรประจำวัน (กิน นอน ขับถ่าย) รู้จักการรอเมื่อยังไม่ถึงเวลา รู้จักเก็บของเล่นเมื่อถึงเวลาทำอย่างอื่น เป็นต้น
อายุ 9 เดือน
- ประเมินการเจริญเติบโด โดยชั่งน้ำหนัก วัดความยาว วัดเส้นรอบศีรษะ แล้วบันทึกลงในกราฟ ประเมินตามเกณฑ์อายุและเพศ
- ตรวจร่างกายตามระบบ โดยแพทย์จะฟังเสียงหัวใจ คลำกระหม่อม โดยกระหม่อมหลังควรปิดสนิทแล้ว กระหม่อมหน้าจะเริ่มปิดเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน และจะปิดสนิทเมื่ออายุประมาณ 9 -18 เดือน ตรวจภาวะตาเหล่ (strabismus) ด้วย light reflex ตรวจช่องท้องเพื่อดูก้อนผิดปกติ ตรวจอวัยวะเพศ โดยเฉพาะภาวะอัณฑะไม่เลื่อนลงถุงอัณฑะ และ phimosis ในเด็กผู้ชำย และตรวจ labial adhesion ในเด็กผู้หญิง
ประเมินสุขภาพช่องปากโดยทันตแพทย์ อย่างน้อย 1 ครั้ง
- ติดตามพัฒนาการ เด็กวัย 9 เดือนเต็ม ควรทำสิ่งเหล่านี้ได้
- ลุกขึ้นนั่งได้จากท่านอน
- คลานคล่อง
- เกาะยืนได้ เกาะเดินไปข้าง ๆ ได้ 4-5 ก้าว
- ใช้นิ้วหยิบของชิ้นเล็กได้ ใช้นิ้วหยิบอาหารกินได้
- หยิบของ 2 ชิ้นมาเคาะกันได้
- เข้าใจคำสั่งห้าม
- เปล่งเสียงพยัญชนะได้หลายเสียง แต่ยังไม่มีความหมาย เช่น ปาปาปา ยายายา เลียนเสียงคำพูดที่คุ้นเคยได้อย่างน้อย 1 คำ
- เล่นจ๊ะเอ๋ได้ ทำท่าทางตามคำสั่งง่าย ๆ เช่น โบกมือ บ๊ายบาย ตบมือ ได้
- รู้จักปฏิเสธด้วยการแสดงท่าทาง เช่น ส่ายหน้า หันหน้าหนี
- ตรวจเลือด ดูระดับฮีโมโกลบินหรือฮีมาโทคริตเพื่อคัดกรองภาวะโลหิตจาง ตรวจระดับสารตะกั่วในเลือดในเด็กที่มีประวัติเสี่ยงต่อการสัมผัสสารตะกั่ว
- รับวัคซีนป้องกัน
- หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) เข็ม 1
- ไข้สมองอักเสบ (JE) เข็มที่ 1
- ไข้หวัดใหญ่ (2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน)
อายุ 12 เดือน
- ประเมินการเจริญเติบโด โดยชั่งน้ำหนัก วัดความสูง วัดเส้นรอบศีรษะ แล้วบันทึกลงในกราฟ ประเมินตามเกณฑ์อายุและเพศ
- ตรวจร่างกายตามระบบ โดยแพทย์จะฟังเสียงหัวใจ คลำกระหม่อม โดยกระหม่อมหลังควรปิดสนิทแล้ว กระหม่อมหน้าจะเริ่มปิดเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน และจะปิดสนิทเมื่ออายุประมาณ 9 -18 เดือน ตรวจภาวะตาเหล่ (strabismus) ด้วย light reflex ตรวจช่องท้องเพื่อดูก้อนผิดปกติ ตรวจอวัยวะเพศ โดยเฉพาะภาวะอัณฑะไม่เลื่อนลงถุงอัณฑะ และ phimosis ในเด็กผู้ชำย และตรวจ labial
adhesion ในเด็กผู้หญิง
ประเมินสุขภาพช่องปากโดยทันตแพทย์ อย่างน้อย 1 ครั้ง
- ติดตามพัฒนาการ เด็กวัย 12 เดือนเต็ม ควรทำสิ่งเหล่านี้ได้
- ยืนได้เอง โดยไม่ต้องช่วยพยุงอย่างน้อย 2 วินาที
- เดินเอง หรือเดินโดยจูงมือเดียว
- หยิบของใส่ถ้วยหรือกล่องได้
- ทำตามคำสั่งง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีคนทำท่านำ เลียนแบบท่าทาง โบกมือลา สวัสดี
- ช่วยยกแขนขาในเวลาที่แต่งตัวให้
- พูดคำที่มีความหมายได้อย่างน้อย 1 คำ เรียกพ่อ/แม่ได้
- แสดงความต้องการโดยทำท่าทางหรือเปล่งเสียง เช่น ยื่นมือให้อุ้ม ชี้ ดึงเสื้อ
- เล่นของเล่นหรือใช้ของถูกวิธี เช่น เอาช้อนมาทำท่ากิน เอาหวีมาหวีผม
- ตรวจเลือด (หากยังไม่ได้ตรวจตอนอายุ 9 เดือน) ดูระดับฮีโมโกลบินหรือฮีมาโทคริตเพื่อคัดกรองภาวะโลหิตจาง ตรวจระดับสารตะกั่วในเลือดในเด็กที่มีประวัติเสี่ยงต่อการสัมผัสสารตะกั่ว
- รับวัคซีนทางเลือก ได้แก่ วัคซีนนิวโมคอคคัส (PCV) เข็มกระตุ้น หากได้รับก่อนหน้านี้แล้ว 3 เข็ม, วัคซีนตับอักเสบเอชนิดเชื้อไม่มีชีวิต (HAV) 2 เข็ม ห่างกัน 1 ปี, วัคซีนอีสุกอีใส (VZV) 2 เข็มห่างกัน 1 ปี
การเลี้ยงดูที่เหมาะสมและการสร้างวินัยที่ดี
ให้ความรักและเอาใจใส่ต่อตัวเด็ก เปิดโอกาสให้เด็กได้เห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เล่นและพูดคุยกับเด็กบ่อย ๆ อ่านหนังสือนิทานที่มีรูปภาพให้เด็กฟังเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา วัยนี้ยังไม่ควรให้เด็กดูโทรทัศน์หรือใช้สื่อผ่านจออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท
ให้นมแม่อย่างต่อเนื่องจนถึงอายุ 12 เดือน อายุ 6-8 เดือนควรได้รับอาหารเสริม 1 มื้อ อายุ 8-10 เดือนควรได้รับ 2 มื้อ
และอายุ 10-12 เดือนควรได้รับ 3 มื้อ เป็นอาหารครบหมู่ และมีธาตุเหล็กเพียงพอ เช่น ข้าวต้มหมูสับ ไข่คน ตับบด แกงจืดเต้าหู้ผักต้ม และเสริมด้วยผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น ส้ม มะละกอ ฝรั่ง
ให้เด็กคลานหรือเดินบ่อย ๆ โดยจัดสภาพ
แวดล้อมให้เหมาะสม ปลอดภัย ทำกิจกรรมกับลูกทุกคน และเปิดโอกาสให้พี่มีส่วนร่วมในการดูแลน้อง ควรให้เด็กเล่นบนพื้น
แบบมีปฏิสัมพันธ์ หรือได้เล่นอย่างอิสระ ไม่ควรอุ้มหรือจำกัดการเคลื่อนไหวของเด็กในรถเข็นหรือเก้าอี้เด็กนานเกินไป
ฝึกให้เด็กทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นเวลา เช่น เวลาของมื้ออาหาร เวลาเข้านอน เด็กอายุ 7-12 เดือนควรนอน 12-16 ชั่วโมง/วัน เด็กวัยนี้สามารถนอนติดต่อกันได้นานขึ้น ควรลดนมในเวลากลางคืน
ฝึกให้เด็กแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าหลังตื่นนอน และก่อนเข้านอน ด้วยแปรงสีฟันและยาสีฟันผสมฟลูออไรด์สำหรับเด็ก ปริมาณยาสีฟันแค่แตะขนแปรงพอเปียก หรือ ขนาดเมล็ดข้าวสาร
ระวังการพลัดตกจากที่สูงและการกระแทก ไม่ควรใช้รถหัดเดินแบบที่มีลูกล้อเพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ควรให้เด็กเล่นของเล่นขนาดเล็กที่สามารถอมเข้าปากได้ หรือหลุดแตกเป็นชิ้นเล็กได้เพราะเด็กอาจสำลักเข้าทางเดินหายใจ
อย่าอุ้มเด็กในขณะที่ถือของร้อน และควรเก็บสายไฟของกำน้ำร้อนไว้ไกลมือเด็ก อย่าวางของร้อนบนพื้น ระวังอันตรายจากไฟดูดโดยติดตั้งปลั๊กสูงจากพื้นอย่างน้อย 1.5 เมตร หรือใช้อุปกรณ์ปิดปลั๊กไฟ ไม่ปล่อยให้เด็กนั่งเล่นน้ำตามลำพังแม้เพียงชั่วขณะ
การโดยสารรถอย่างปลอดภัยควรใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กทารก โดยติดตั้งที่นั่งที่เบาะหลังของรถ
และหันหน้าเด็กไปทางด้านหลังรถ ** ไม่ทิ้งเด็กไว้ในรถตามลำพัง
สังเกตและตอบสนองความต้องการของเด็กอย่างเหมาะสม ไม่ควรตามใจเด็กจนเกินไป สร้างกฎระเบียบภายในบ้าน อธิบายเหตุผลที่ควรมีกฎระเบียบเหล่านี้ ให้คำชมหรือรางวัลเมื่อเด็กทำถูกต้อง และสุดท้ายพ่อแม่ควรมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง
บรรณานุกรม
- กรมการแพทย์. 2565. "แนวทางการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๕." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ (28 กรกฎาคม 2566).