วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (HB Vaccine)

ไวรัสตับอักเสบมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ A, B, C, D และ E ซึ่งไวรัสชนิด B และ C สามารถก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับตามมาได้ ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 5% ของประชากร หรือราว 3 ล้านคน ส่วนไวรัสตับอักเสบซีพบใน 1–2% หรือประมาณ 1 ล้านคน การแพร่เชื้อเกิดได้ทางเลือด น้ำลาย และสารคัดหลั่งระหว่างมีเพศสัมพันธ์

โชคดีที่ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดว่าเป็น "วัคซีนป้องกันมะเร็งตัวแรกของโลก"

📖   ประวัติการพัฒนาวัคซีน

ปี ค.ศ. 1965 นายแพทย์ Baruch S. Blumberg ค้นพบไวรัสตับอักเสบบี และได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบนี้ เขาร่วมกับนักจุลชีววิทยา Dr. Irving Millman พัฒนาวัคซีนตัวแรกซึ่งเป็นชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในคน

ปี ค.ศ. 1981 วัคซีน Heptavax-B ของบริษัท Merck ซึ่งผ่านการทำลายเชื้อด้วย formaldehyde และกระบวนการ pasteurization ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ใช้ยาเสพติด ชายรักร่วมเพศ หญิงบริการ ทารกจากมารดาที่ติดเชื้อ และบุคลากรทางการแพทย์

ปี ค.ศ. 1986 Merck พัฒนา Recombivax-HB ซึ่งเป็น recombinant vaccine ตัวแรกของโลก โดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมให้เซลล์ยีสต์ผลิต HBsAg ขึ้นมา ต่อมาในปี ค.ศ. 1989 บริษัท SmithKline Beecham ผลิตวัคซีน Engerix-B ออกมาแข่งขัน ส่งผลให้ Merck ยุติการผลิต Heptavax-B ในปี ค.ศ. 1990

ในปีเดียวกัน CDC สหรัฐฯ เริ่มแนะนำให้ฉีดวัคซีนแก่เด็กทุกคน เพื่อป้องกันก่อนโตไปเป็นผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง แทบทุกประเทศเห็นด้วยรวมทั้งไทย

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีเป็นวัคซีนชนิดน้ำ ผลิตจาก HBsAg ที่ได้จากเซลล์ยีสต์หรือเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ผ่านการทำให้บริสุทธิ์ และผสมกับสาร aluminium hydroxide เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน มี thimerosal เป็นสารกันเสีย เก็บในตู้เย็นที่ 2–8°C ได้ 2 ปี (ห้ามแช่แข็ง เพราะวัคซีนจะเสื่อมคุณภาพ)



🏥   การใช้ในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีให้เด็กแรกเกิดทุกคนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) วัคซีนในประเทศไทยผลิตโดยหลายบริษัท เช่น GSK, MSD, Sanofi และ Heber Biotec มีความเข้มข้นของ HBsAg แตกต่างกันระหว่าง 10–20 mcg/mL และชนิด 40 mcg/mL สำหรับผู้ป่วยฟอกไตหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ปริมาณวัคซีนที่ใช้คือ:

  • เด็ก: 0.5 mL/เข็ม
  • ผู้ใหญ่: 1 mL/เข็ม
  • ผู้ป่วยฟอกไต: 1–2 mL/เข็ม

นอกจากนี้ยังมีวัคซีนผสมที่รวมวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีกับวัคซีนในเด็กอื่น ๆ เพื่อความสะดวกในการฉีด วัคซีนนี้อยู่ในแผนส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรคของไทย สามารถรับฟรีได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่ง

💉   วิธีฉีดป้องกันก่อนสัมผัสโรค (Pre-exposure)

  1. เด็กแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น ฉีด 0.5 mL เข้ากล้าม 3 เข็ม: แรกเกิด, อายุ 1 เดือน, และ 6 เดือน โดยสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยแนะนำเพิ่มเข็มที่อายุ 2 และ 4 เดือน รวมเป็น 5 เข็ม (ในเดือนที่ 2, 4, 6 มักใช้วัคซีนผสมกับ DTP)
  2. ผู้ใหญ่ที่ยังไม่ติดเชื้อ (HBsAg negative) และไม่มีภูมิคุ้มกัน (anti-HBs negative) ให้ฉีด 3 เข็ม: เดือนที่ 0, 1, และ 6 (ไม่ควรฉีดในผู้แพ้ยีสต์รุนแรง)

ภูมิคุ้มกันจะขึ้นหลังเข็มที่ 3 ป้องกันได้ 90–95% และคงอยู่ได้นานกว่า 20 ปี โดยไม่จำเป็นต้องกระตุ้นซ้ำ ยกเว้นผู้ป่วยฟอกไต ควรฉีดซ้ำอีก 3 เข็ม หาก HBsAg และ anti-HBs เป็นลบ

💉   วิธีฉีดป้องกันหลังสัมผัสโรค (Post-exposure)

  1. หากมารดาเป็นพาหะ โดยเฉพาะ HBeAg เป็นบวก ทารกควรได้รับ HBIG และวัคซีนเข็มแรกภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด โดยฉีดคนละข้าง หากไม่มี HBIG ให้ฉีดวัคซีนทันที และตามด้วยอีก 4 เข็มที่ 1, 2, 4, 6 เดือน แล้วตรวจ HBsAg และ anti-HBs ตอนอายุ 9–12 เดือน
  2. ถ้า anti-HBs ยังคงต่ำ (≤10 mIU/mL) ควรฉีดซ้ำแล้วตรวจ anti-HBs หลังฉีดแต่ละเข็ม 1 เดือน ถ้า HBsAg เป็นบวก เด็กอาจติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ต้องติดตามการรักษาโดยกุมารแพทย์

    ปัจจุบันมีการให้ยา TDF แก่มารดาระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อลดการถ่ายทอดเชื้อสู่ลูก

  3. กรณีสัมผัสเชื้ออื่น ๆ เช่น ถูกเข็มตำ สัมผัสเลือด หรือน้ำคัดหลั่ง:

⚠️   ผลข้างเคียงที่อาจพบ

  • ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด
  • มีไข้ต่ำ ๆ หรืออ่อนเพลียภายใน 1–2 วัน
  • พบอาการแพ้อย่างรุนแรงได้น้อยมาก (เช่น แพ้ยีสต์)
  • ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าวัคซีนนี้ก่อโรคเรื้อรังหรือผลข้างเคียงรุนแรงอื่น ๆ

📌   สรุป

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีเป็นวัคซีนสำคัญที่สามารถลดการเกิดมะเร็งตับได้อย่างชัดเจน จึงควรส่งเสริมให้ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน และไม่ได้เป็นพาหะ เข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันโรคและลดภาระต่อระบบสาธารณสุขในระยะยาว


บรรณานุกรม

  1. รศ.นพ.ทวีศักดิ์ แทนวันดี. 2018. "ไวรัสตับอักเสบ มหันตภัยร้ายที่ป้องกันได้." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล. (21 เมษายน 2564).
  2. "Hepatitis B Vaccine History." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Hepatitis B Foundation. (21 เมษายน 2564).
  3. "What is the History of Hepatitis B Vaccine Use in America?" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา National Vaccine Information Center. (21 เมษายน 2564).
  4. "ตำราวัคซีนและการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (21 เมษายน 2564).
  5. "ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย. (20 เมษายน 2564).