วิตามิน B12 (Cobalamin)

วิตามิน B12 หรือโคบาลามิน (Cobalamin) เป็นกลุ่มของสารประกอบที่มีโคบอลต์เป็นองค์ประกอบสำคัญ รูปแบบที่ร่างกายใช้ได้คือ methylcobalamin และ 5-deoxyadenosylcobalamin ส่วน cyanocobalamin และ hydroxocobalamin เป็นรูปที่เติมในอาหาร เช่น แป้งและธัญพืช เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบที่ออกฤทธิ์ได้

แตกต่างจากวิตามินบีอื่น ๆ โคบาลามินสามารถสะสมในร่างกายได้นานหลายปี จึงต้องการในปริมาณน้อยมากต่อวัน และสามารถรับประทานแบบรวมครั้งต่อสัปดาห์ได้ นอกจากนี้ยังพบได้เฉพาะในจุลชีพที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เห็ด และอาหารหมัก หากไม่รับประทานอาหารเหล่านี้เลย จำเป็นต้องเสริมในรูปเม็ดอย่างน้อย 500 ไมโครกรัมสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง

หน่วยวัดปริมาณวิตามิน B12

ใช้หน่วยเป็นไมโครกรัม (mcg) ร่างกายต้องการเพียงวันละ 2.4 ไมโครกรัม

การดูดซึมวิตามิน B12

การดูดซึมโคบาลามินมีความซับซ้อนที่สุดในบรรดาวิตามินทั้งหมด ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนหลัก และมีถึง 9 จุดที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะขาดวิตามิน B12

  1. โปรตีนที่จับกับโคบาลามินในอาหารต้องถูกกรด HCl และเอนไซม์เปปซินในกระเพาะย่อยให้หลุดออก
  2. โคบาลามินอิสระจะจับกับ Haptocorrin (หรือ R-protein) ที่สร้างจากน้ำลาย น้ำย่อย และน้ำดี เพื่อเดินทางไปยังลำไส้เล็กส่วนต้น
  3. เอนไซม์ protease จากตับอ่อนจะแยกโคบาลามินออกจาก Haptocorrin
  4. Intrinsic factor (IF) จากกระเพาะจะจับกับโคบาลามินและพาไปยังลำไส้เล็กส่วนปลาย
  5. ที่ไอเลียม โคบาลามินจะถูกดูดซึมโดยตัวรับ cubilin แล้วจับกับ transcobalamin เพื่อส่งเข้าสู่เซลล์
  6. ภายในเซลล์ โคบาลามินจะเปลี่ยนเป็น adenosylcobalamin และ methylcobalamin เพื่อใช้งาน

โคบาลามินจากอาหารสามารถดูดซึมได้เพียง 1.5–2.0 ไมโครกรัมต่อมื้อ [11] โคบาลามินที่ไม่ถูกดูดซึมจะออกมากับอุจจาระ ส่วนที่ดูดซึมแล้วสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ โดยเก็บสะสมไว้ที่ตับ เหลือออกมาในปัสสาวะน้อยมาก (ไม่เหมือนวิตามินที่ละลายน้ำตัวอื่น ซึ่งส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะทุกวัน)

บทบาทของวิตามิน B12

โคบาลามินเป็นโคเอนไซม์ของ L-methylmalonyl-CoA mutase และ methionine synthase ซึ่งเกี่ยวข้องกับ:

  • การสร้างพลังงานในวัฏจักรเครบส์
  • การสร้างเม็ดเลือดแดง กรดอะมิโน โปรตีน ไขมัน DNA และ RNA
  • การบำรุงเยื่อหุ้มเซลล์และปลอกประสาท
  • การช่วยเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามิน A
  • การขจัดสารพิษไซยาไนด์

โคบาลามินยังทำงานร่วมกับโฟเลตและวิตามิน B6 ในการลดระดับ Homocysteine ซึ่งเป็นตัวเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด


แหล่งของวิตามิน B12 ในธรรมชาติ

วิตามิน B12 เป็นสารอาหารชนิดเดียวที่ไม่มีในพืช ยกเว้นสาหร่ายและเห็ดซึ่งมีเพียงเล็กน้อย เพราะมันถูกสร้างจากแบคทีเรียที่อยู่ในตัวสัตว์ จึงมีมากในเนื้อสัตว์ ไข่ นม ชีส ยีสต์ และอาหารหมัก (เช่น กะปิ เต้าเจี้ยว ถั่วเน่า เทมเป้ ซีอิ๊ว น้ำปลา ฯลฯ)

แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่สามารถสร้างได้ แต่ดูดซึมไม่ได้ เพราะมันอยู่เลยตำแหน่งที่มี intrinsic factor และตำแหน่งดูดซึมที่ลำไส้เล็กส่วนปลายไปแล้ว

ร่างกายสามารถสะสมวิตามิน B12 ได้นาน 3–5 ปี [12] หากขาดต้องเสริมแบบเม็ดหรือฉีด ผู้ที่ไม่รับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลยควรเสริม 10 mcg/วัน หรือ 2000 mcg/สัปดาห์

ภาวะขาดวิตามิน B12

สาเหตุของการขาดมีได้หลายจุด เช่น:

  1. รับประทานไม่พอ (เช่น มังสวิรัติแบบเคร่งครัด)
  2. ได้รับยาสลบที่มี nitrous oxide เพราะก๊าซนี้ยับยั้งการออกฤทธิ์ของโคบาลามินในเซลล์หลายจุด
  3. ขาดกรดในกระเพาะอาหาร (จากโรค หรือยาลดกรด)
  4. ไม่มี intrinsic factor (จากโรค หรือภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ที่ผลิต IF)
  5. ตับอ่อนสร้าง protease ไม่พอ
  6. ลำไส้มีแบคทีเรียหรือพยาธิจำนวนมาก จนมาแย่งใช้โคบาลามินไปก่อนที่จะดูดซึม
  7. ผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนปลาย
  8. โรคพันธุกรรมที่ขาด transcobalamin
  9. โรคพันธุกรรมที่เมตาบอไลซ์โคบาลามินผิดปกติ

* ยาหลายชนิด เช่น ยาลดกรด, ยาคุมกำเนิด, metformin, colchicine, phenytoin, cholestyramine, วิตามิน C, และแอลกอฮอล์ อาจลดการดูดซึมของโคบาลามิน

อาการ ได้แก่ ซีด เจ็บลิ้น แผลในปาก เหน็บชา อ่อนแรง เดินลำบาก สมองล้า ความจำเสื่อม สับสน

ในหญิงตั้งครรภ์อาจส่งผลให้ทารกเกิดความผิดปกติของไขสันหลัง และในเด็กอาจโตช้า ซีด กล้ามเนื้อกระตุก

การวินิจฉัย

* ค่าเหล่านี้อาจสูงจากภาวะไตเสื่อม ขาดโฟเลต หรือขาดวิตามิน B6

แนวทางการรักษา:

พิษของวิตามิน B12

ยังไม่มีรายงานพิษร้ายแรง แต่มีรายงานว่าทำให้เกิดสิว ผิวหน้าหยาบ กังวล ใจสั่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ในรายที่ได้รับวิตามิน B12 เสริมขนาด 1000 mcg/วัน ซึ่งดีขึ้นหลังหยุดเสริม

สรุป

  • วิตามิน B12 จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือด พลังงาน และสมอง
  • พบเฉพาะในอาหารจากสัตว์และอาหารหมัก
  • สะสมได้ในตับและใช้งานได้นาน
  • กระบวนการดูดซึมซับซ้อน มีหลายจุดที่อาจผิดปกติ
  • ภาวะขาดส่งผลรุนแรงต่อเลือดและระบบประสาท โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์และเด็ก
  • ควรรับประทานอาหารหลากหลายหรือเสริมในรูปเม็ด/ฉีด หากเสี่ยงขาด

บรรณานุกรม

  1. "Vitamin B12 (Cyanocobalamin)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (10 มีนาคม 2563).
  2. "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
  3. "Unit Conversions." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา USDA. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
  4. "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
  5. "11.2 Vitamin B12." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutrition Flexbook. (7 มีนาคม 2563).
  6. "Vitamin B12." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (7 กุมภาพันธ์ 2563).
  7. "Vitamin B12." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (7 มีนาคม 2563).
  8. "Vitamin B12." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Oregon State University. (7 มีนาคม 2563).
  9. "vitamin B12 - cobalamin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา whfoods.org. (7 มีนาคม 2563).
  10. "Vitamin B12." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา วงการแพทย์. (7 กุมภาพันธ์ 2563).
  11. Gianluca Rizzo, et al. 2016. "Vitamin B12 among Vegetarians: Status, Assessment and Supplementation." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutrients. 2016 Dec; 8(12):767. (8 กุมภาพันธ์ 2563).
  12. Larry E. Johnson. 2019. "Vitamin B12 Deficiency." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MSD Manual. (8 กุมภาพันธ์ 2563).
  13. Emmanuel Andrès, et al. 2019. "Vitamin B12 (cobalamin) deficiency in elderly patients." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา CMAJ. 2004;171(3):251-259. (7 มีนาคม 2563).
  14. Daisy Whitbread. 2019. "Top 10 Foods Highest in Vitamin B12." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MYFOODDATA. (7 มีนาคม 2563).