วิตามิน B3 (Niacin)

ไนอะซิน (Niacin) หรือวิตามิน B3 เป็นชื่อที่ใช้เรียกรวมสารในกลุ่มนี้ ได้แก่ Nicotinic acid, Nicotinamide (หรือ Niacinamide) และ Nicotinamide riboside ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ เมื่อตกเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็น Nicotinamide adenine dinucleotide (NAD+) ซึ่งเป็นโคเอนไซม์สำคัญที่จำเป็นต่อเอนไซม์กว่า 400 ชนิดในกระบวนการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน

เมื่อ NAD+ ได้รับหมู่ฟอสเฟตจาก ATP จะกลายเป็น NADP+ ซึ่งมีบทบาทในการสร้างคอเลสเตอรอล กรดไขมัน และการทำลายอนุมูลอิสระภายในเซลล์

ปริมาณไนอะซินที่ต้องการในแต่ละวันขึ้นอยู่กับพลังงานที่ใช้ โดยทั่วไปต้องการประมาณ 16 มิลลิกรัมต่อพลังงาน 2,388 กิโลแคลอรี (ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไทยคือ 20 มก./วัน) หากได้รับไม่เพียงพอ ร่างกายสามารถสังเคราะห์ NAD+ จากกรดอะมิโนจำเป็น Tryptophan ได้

หน่วยวัดปริมาณวิตามิน B3

หน่วยวัดคือ mg NE (Niacin Equivalents) ซึ่งครอบคลุมไนอะซินทุกรูปและทริปโตแฟน โดย:

1 mg NE = 1 mg Nicotinamide/Nicotinic acid = 60 mg Tryptophan

บทบาทของวิตามิน B3

วิตามิน B3 ทำหน้าที่สำคัญในรูป NAD+ และ NADP+ ซึ่งช่วยถ่ายเทอิเล็กตรอนในกระบวนการเผาผลาญอาหารและสร้างสารชีวโมเลกุลใหม่ ผลพลอยได้คือ NADH และ NADPH ที่สามารถให้ H+ เพื่อต้านอนุมูลอิสระ

NAD+ ยังจำเป็นต่อเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมและคัดลอกยีน การควบคุมการแบ่งเซลล์ และการส่งสัญญาณให้แคลเซียมเคลื่อนเข้า-ออกจากเซลล์ในระบบต่าง ๆ เช่น เซลล์ประสาท กล้ามเนื้อ เบต้าเซลล์ของตับอ่อน และ T-lymphocytes

Nicotinic acid ในขนาดสูงสามารถลดคอเลสเตอรอลได้ แต่ไม่ลดอัตราการตาย และมีผลข้างเคียงหลายประการ จึงไม่เป็นที่นิยม

แหล่งของวิตามิน B3 ในธรรมชาติ

วิตามิน B3 พบมากในอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ปลา ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่ว เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีทั้งไนอะซินและทริปโตแฟนในสัดส่วนสมดุลกับพลังงาน

ไนอะซินดูดซึมได้ดีจากทางเดินอาหาร ส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนที่ตับและขับออกทางปัสสาวะในรูป N1-methyl-nicotinamide และ N1-methyl-2-pyridone-5-carboxamide หากพบสารทั้งสองในปัสสาวะรวมกันมากกว่า 17.5 µmol/day แสดงว่าได้รับเพียงพอ หากน้อยกว่า 5.8 µmol/day แสดงว่าขาด

การปรุงอาหารโดยเทน้ำทิ้งอาจทำให้สูญเสียไนอะซิน เพราะเป็นวิตามินละลายน้ำ

ภาวะขาดวิตามิน B3

กลุ่มเสี่ยงได้แก่:

  • ผู้มีปัญหาการดูดซึมอาหาร
  • ผู้ติดสุรา
  • ผู้ป่วยโรคเอดส์
  • ผู้ที่บริโภคข้าวโพดเป็นหลัก
  • ผู้ใช้ยาบางชนิด เช่น Isoniazid, Azathioprine, 5-FU, Sinemet
  • ผู้ป่วยโรค Hartnup และ Carcinoid

ภาวะขาดไนอะซินเรียกว่า Pellagra มีอาการหลัก 3D:

  1. Dermatitis & mucositis: ผิวหนังไวต่อแสง เป็นผื่นแดงตกสะเก็ด ริมฝีปากแห้ง เจ็บลิ้น
  2. Diarrhea: เบื่ออาหาร ท้องเสีย คลื่นไส้
  3. Dementia: หงุดหงิด ซึมเศร้า ความจำเสื่อม เดินเซ

ในรายรุนแรงอาจพบหัวใจโต ซีด ขาบวม เหนื่อยง่าย และถึงขั้นเสียชีวิต (Death)

การวินิจฉัยใช้ประวัติ อาการ และการตรวจ

  • N1-methyl-nicotinamide < 5.8 µmol/day
  • Niacin number < 130
  • Niacin index < 1

รักษาด้วย Nicotinamide ขนาด 300 mg/วัน แบ่ง 3 มื้อ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ และควรเสริมวิตามินบีรวม

พิษของวิตามิน B3

ไม่มีรายงานพิษจากอาหาร แต่พบจากยา โดย:

Nicotinic acid: ขนาด ≥ 30 mg อาจทำให้หน้าแดง ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก รู้สึกเหมือนเป็นไข้ คลื่นไส้ ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ ความดันต่ำ ขนาดสูง (≥ 1000 mg) อาจลดคอเลสเตอรอลแต่เพิ่มความเสี่ยงต่อตับและหัวใจ

Nicotinamide: ขนาดสูงกว่า 500 mg อาจทำให้ท้องเสีย เกล็ดเลือดต่ำ หากเกิน 3000 mg/วัน มีพิษต่อตับ

พิษจากยาเด่นชัดเมื่อใช้ร่วมกับสุรา ยาลดไขมัน ยารักษาเบาหวาน ยาต้านเลือดแข็งตัว ยาไทรอยด์ ยาปฏิชีวนะบางชนิด และอาหารเสริมบางกลุ่ม

สรุป

  • ไนอะซิน (วิตามิน B3) สำคัญต่อระบบเผาผลาญ พลังงาน และการซ่อมแซมเซลล์
  • ร่างกายสามารถสร้างไนอะซินจากทริปโตแฟนได้เมื่อจำเป็น
  • แหล่งสำคัญคืออาหารโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ และธัญพืชไม่ขัดสี
  • การขาดจะเกิดโรคหนังกระ (Pellagra) มีอาการทางผิวหนัง ลำไส้ และสมอง
  • พิษพบเฉพาะจากการใช้ยาในขนาดสูง โดยเฉพาะ Nicotinic acid

บรรณานุกรม

  1. "Niacin (nicotinic acid)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (10 มีนาคม 2563).
  2. "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
  3. "Unit Conversions." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา USDA. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
  4. "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
  5. "Niacin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (3 กุมภาพันธ์ 2563).
  6. "Niacin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (27 กุมภาพันธ์ 2563).
  7. "vitamin B3 - niacin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา whfoods.org. (27 กุมภาพันธ์ 2563).
  8. "Niacin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Oregon State University. (27 กุมภาพันธ์ 2563).
  9. "Niacin Deficiency." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Merck Manual. (27 กุมภาพันธ์ 2563).
  10. "Pellagra." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (27 กุมภาพันธ์ 2563).
  11. "Niacin Toxicity." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Merck Manual. (27 กุมภาพันธ์ 2563).
  12. Daisy Whitbread. 2019. "Top 10 Foods Highest in Vitamin B3." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MYFOODDATA. (3 กุมภาพันธ์ 2563).