วิตามิน B6 (Pyridoxine)
วิตามิน B6 มีอยู่ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ Pyridoxine, Pyridoxal และ Pyridoxamine โดยไพริด็อกซีนเป็นรูปที่พบได้มากที่สุดในอาหาร เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ทั้งสามรูปจะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กส่วนเจจูนัม แล้วส่งไปยังตับเพื่อเปลี่ยนเป็นรูปที่ออกฤทธิ์ ได้แก่ Pyridoxamine 5′-phosphate (PMP) และ Pyridoxal 5′-phosphate (PLP) ซึ่งการเปลี่ยนรูปนี้ต้องอาศัยวิตามิน B2 และสังกะสี (Zinc) เป็นปัจจัยร่วม วิตามิน B6 ที่เกินความต้องการของร่างกายจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
หน่วยวัดปริมาณวิตามิน B6
การวัดปริมาณวิตามิน B6 ในอาหารใช้หน่วยเป็นมิลลิกรัม (mg) ของไพริด็อกซีน ส่วนในเลือดจะวัดจากระดับ PLP ในพลาสมาหรือซีรั่ม โดยค่าปกติคือมากกว่า 20 nmol/L
บทบาทของวิตามิน B6
PLP และ PMP ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ของเอนไซม์หลายชนิด เช่น transaminases, deaminases, glycogen phosphorylase และ gamma-aminolevulinic acid synthetase จึงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ได้แก่:
- เผาผลาญสารอาหาร
- สลายไกลโคเจน
- เปลี่ยนกรดอะมิโนเป็นกลูโคส และสังเคราะห์กรดอะมิโน
- สร้างสารสื่อประสาท GABA, serotonin และ dopamine
- สร้างฮีโมโกลบิน
- เปลี่ยนทริปโตแฟนเป็นไนอะซิน
- ควบคุมระดับ homocysteine ร่วมกับวิตามิน B12 และโฟเลต ซึ่ง homocysteine เป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของโรคหัวใจขาดเลือด
- ปรับสมดุลฮอร์โมนสเตียรอยด์ และช่วยนำพาธาตุเหล็ก
** แมกนีเซียมจำเป็นต่อทุกปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับวิตามิน B6
แหล่งของวิตามิน B6 ในธรรมชาติ
ร่างกายได้รับวิตามิน B6 จากทั้งอาหารและแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ อาหารที่มีวิตามิน B6 สูงได้แก่ สัตว์ปีก ปลา นม ไข่ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเหลือง ถั่วลิสง กล้วย และผักบางชนิด โดยร่างกายต้องการประมาณ 2 mg ต่อวัน
วิตามิน B6 ในอาหารมีความคงตัวสูง การนึ่งหรือต้มจะสูญเสียเพียง 10-20% และการเก็บไว้นาน 1 ปีจะสูญเสียเพียง 25% การหุงต้มในสภาพกรดอ่อน เช่น เติมน้ำส้มสายชูหรือมะเขือเทศ จะช่วยรักษาวิตามินนี้ได้ดียิ่งขึ้น
ภาวะขาดวิตามิน B6
แม้ภาวะขาดวิตามิน B6 จะพบได้น้อย แต่เกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น:
- โรคทางเดินอาหารที่มีการดูดซึมผิดปกติ เช่น celiac disease, Crohn’s disease
- ขาดวิตามิน B2 หรือสังกะสี ซึ่งเป็นปัจจัยร่วมในการทำให้ไพริด็อกซีนใช้การได้
- โรคไตวายเรื้อรังที่ต้องฟอกไต
- ใช้ยาที่ลดการดูดซึมหรือเพิ่มการทำลายวิตามิน B6 เช่น Isoniazid, Hydralazine, Prednisolone, Carbamazepine, Phenytoin, Valproic acid
- ติดสุราเรื้อรัง หรือขาดอาหาร
- มียีนผิดปกติที่มีผลต่อเมตาบอลิซึม
อาการที่พบ ได้แก่ มือเท้าชา ผื่นแดงบริเวณที่ถูกแดด แผลในปาก ลิ้นเลี่ยน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ซึมเศร้า และอาจมีอาการชักในทารกที่ขาดอย่างรุนแรง
ควรสงสัยภาวะขาดวิตามิน B6 ในกรณีต่อไปนี้:
- ทารกที่มีอาการชัก
- ผู้ป่วยโรคลมชักที่คุมอาการไม่ได้แม้ปรับยาครบแล้ว
- ผู้ที่ขาดวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะในผู้ติดสุรา
การวินิจฉัยใช้ข้อมูลจากประวัติ อาการ และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น:
- ระดับ PLP ในเลือด < 20 nmol/L (ในผู้มี albumin ต่ำ PLP จะต่ำลง)
- ระดับ 4-pyridoxic acid ในปัสสาวะต่ำกว่าปกติ (128–680 nmol / nmol creatinine)
- ค่า EAST-AC < 1.85
- ตรวจ CBC พบโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงเล็กซีด (hypochromic-microcytic anemia) แต่ระดับธาตุเหล็กปกติ
หากสงสัยโรคหลอดเลือด ควรตรวจ homocysteine ด้วย ในกรณีมีอาการชัก อาจพิจารณาตรวจสารในปัสสาวะและเลือด หรือยีน ALDH7A1 ในเด็ก
ในที่ที่ไม่สามารถตรวจแล็บได้ อาจทดลองให้ไพริด็อกซีน 50–100 mg/วัน เป็นเวลา 4–8 สัปดาห์ หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจตรวจเพิ่มเติมด้วย Tryptophan loading test
Tryptophan loading test คือการให้ L-tryptophan 50–100 mg/kg แล้ววัดระดับ kynurenine, kynurenic acid และ xanthurenic acid ในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง หากวิตามิน B6 เพียงพอ ค่าดังกล่าวจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ การทดสอบนี้เหมาะสำหรับติดตามผลการรักษา ไม่ควรใช้วินิจฉัยแต่เพียงอย่างเดียว
พิษของวิตามิน B6
พิษอาจเกิดขึ้นจากการรับไพริด็อกซีนมากกว่า 200 mg/วันต่อเนื่องนานเกิน 1 ปี (วันหนึ่งเราต้องการเพียง 2 มิลลิกรัม) อาการที่พบได้ ได้แก่ เสียการทรงตัว ชาแขนขา ผื่นไวแสง คลื่นไส้อาเจียน และยังมีรายงานความพิการในทารกจากมารดาที่รับวิตามิน B6 เสริมในขนาดสูงตั้งแต่ตั้งครรภ์ระยะแรก
วิตามิน B6 ในฐานะยารักษาโรค
วิตามิน B6 ใช้เป็นยาต้านพิษจาก isoniazid, ethylene glycol, hydralazine และสารพิษจากเห็ดบางชนิด นอกจากนี้ยังใช้รักษาภาวะชักในทารกแรกเกิด และบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
- พิษ isoniazid: ฉีดไพริด็อกซีนในขนาดเท่ากับ isoniazid ที่รับเกิน โดยเริ่ม 1–4 กรัม แล้วต่อเนื่องอีก 1 กรัม ทุก 30 นาที (ไม่เกิน 5 กรัม)
- พิษ ethylene glycol: ฉีดไพริด็อกซีน 50–100 mg เข้าหลอดเลือดดำทุก 6 ชั่วโมง จนกว่าจะหาย
- พิษ hydralazine: ให้ขนาดรวม 25 mg/kg โดย 1/3 ฉีดเข้ากล้าม และที่เหลือหยดเข้าหลอดเลือดใน 3 ชั่วโมง
- พิษ gyromitrin ในเห็ด: ให้ไพริด็อกซีน 25 mg/kg หยดเข้าหลอดเลือดในเวลา 30 นาที
- ภาวะชักในทารกแรกเกิด: ใช้ร่วมกับยากันชัก ขนาดขึ้นกับความรุนแรง เช่น ฉีด 10–100 mg หรือรับประทาน 25–600 mg/วัน
- อาการแพ้ท้อง: รับประทานไพริด็อกซีน 25 mg เฉพาะเวลามีอาการ ทุก 8 ชั่วโมง และไม่ควรใช้ต่อเนื่องหลายวัน
สรุป
วิตามิน B6 มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญอาหาร การสร้างสารสื่อประสาท ฮีโมโกลบิน และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจผ่านการควบคุมระดับ homocysteine ในเลือด
ร่างกายได้รับวิตามิน B6 จากอาหารและแบคทีเรียในลำไส้ การขาดพบได้น้อยแต่มีผลต่อระบบประสาทและโลหิต การวินิจฉัยอาศัยอาการและการตรวจเลือดหรือปัสสาวะ ในขณะที่การเสริมวิตามินเกินความจำเป็นในระยะยาวอาจก่อให้เกิดพิษได้ นอกจากนี้ วิตามิน B6 ยังมีบทบาทเป็นยารักษาเฉพาะทางหลายภาวะอีกด้วย
บรรณานุกรม
- "Vitamin B6 (Pyridoxine)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (10 มีนาคม 2563).
- "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
- "Unit Conversions." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา USDA. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Vitamin B6." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Oregon State University. (6 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Vitamin B6." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (6 กุมภาพันธ์ 2563).
- "vitamin B6 - pyridoxine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา whfoods.org. (1 มีนาคม 2563).
- "Pyridoxine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (1 มีนาคม 2563).
- Daisy Whitbread. 2019. "Top 10 Foods Highest in Vitamin B6." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MYFOODDATA. (1 มีนาคม 2563).
- Mary J. Brown & Kevin Beier. 2019. "Vitamin B6 Deficiency (Pyridoxine)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NCBI. (1 มีนาคม 2563).
- Richard E Frye. 2016. "Pyridoxine Deficiency." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Medscape. (1 มีนาคม 2563).
- Larry E. Johnson. 2019. "Vitamin B6 Deficiency and Dependency." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MSD Manual. (1 มีนาคม 2563).