กลุ่มยาต้านอัลฟากลูโคสิเดส (α-glucosidase inhibitors)
ยากลุ่มนี้เป็นยาควบคุมน้ำตาลในเลือดหลังอาหารไม่ให้ขึ้นเร็วเกินไป ยาจัดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ใช้เป็นยารักษาเบาหวานชนิดที่สองในระยะแรกที่มีแต่น้ำตาลหลังอาหารสูง (140-199 mg%) หรือผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สองที่ใช้ยากลุ่มอื่นควบคุมแล้วน้ำตาลหลังอาหารก็ยังสูงอยู่ (≥ 200 mg%) โดยรับประทานพร้อมอาหารคำแรก
ที่มาและการออกฤทธิ์
คาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์สามารถย่อยสลายด้วยเอนไซม์และนำไปใช้เป็นพลังงานได้ต้องมีพันธะระหว่างโมเลกุลของน้ำตาลชนิดอัลฟา (α-) เท่านั้น และเรียกพันธะที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำตาลชนิดอัลฟานี้ว่า พันธะ α-glucosidic เอนไซม์ที่ย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตเหล่านี้จึงมีชื่อว่า α-glucosidase เอนไซม์นี้หลั่งออกมาจากผนังลำไส้เล็กส่วนต้น เมื่อน้ำตาลโมเลกุลคู่ ได้แก่ sucrose, lactose, maltose ถูกย่อยจนเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวแล้วจึงถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด
จากภาพจะเห็นว่าถ้าไม่มีตัวยับยั้งเอนไซม์ AG (รูป a) น้ำตาลในเลือดหลังอาหารจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถ้ามียาต้านอัลฟากลูโคสิเดส (AGI) คาร์โบไฮเดรตจะถูกย่อยช้าลง และค่อย ๆ ดูดซึมจนถึงลำไส้เล็กส่วนปลาย (รูป b)
กลุ่มยาต้านอัลฟากลูโคสิเดสปัจจุบันมี 3 ตัวคือ Acarbose, Miglitol, และ Voglibose ในการออกฤทธิ์ยาจะแข่งกับน้ำตาลโมเลกุลคู่ในการจับกับเอนไซม์ ซึ่งกลไกการแข่งจะเป็นแบบ reversible competitive คือพอเอนไซม์ตัดสายพันธะได้ก็หลุดออก หากยังมียาอยู่ในกระแสเลือดก็จะมาแย่งจับกับเอนไซม์อีก เมื่อยาถูกตัดจนหมด เอนไซม์จึงมาย่อยน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไป ยา Acarbose ซึ่งมีโครงสร้างเป็น oligosaccharides สามารถยับยั้งเอนไซม์ pancreatic amylase ได้ด้วย จึงช่วยชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดใหญ่กว่า disaccharides ต่างจากยา Miglitol และ Voglibose ที่ยับยั้งแต่เอนไซม์อัลฟากลูโคสิเดสเท่านั้น ยา Acarbose จึงมีผลข้างเคียงเรื่องท้องอืด อาหารไม่ย่อยมากกว่า
ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ในทางเดินอาหาร (ยาถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดน้อยมาก ยกเว้น Miglitol ที่ถูกดูดซึมได้ 50%) ประสิทธิผลในการลดน้ำตาลในเลือดหลังอาหารของกลุ่มยาต้านอัลฟากลูโคสิเดสจะมากที่สุดเมื่อรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตแต่น้อย เพราะยายังแข่งกับคาร์โบโอเดรตที่กินเข้าไปได้ ถ้ารับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเข้าไปเป็นจำนวนมาก ยาก็ไม่สามารถแข่งกับคาร์โบไฮเดรตจำนวนมากได้ จะดูเหมือนว่ายาไม่ได้ช่วยลดน้ำตาลในเลือดเลย
ยากลุ่มนี้ต้องรับประทานวันละ 3 ครั้ง พร้อมอาหาร ไม่ควรรับประทานร่วมกับยาลดไขมันกลุ่ม Cholestyramine เพราะ Cholestyramine จับยาต้านอัลฟากลูโคสิเดสได้ ประสิทธิภาพจะลดลง และไม่ควรรับประทานร่วมกับยาที่เป็นเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร เช่น Combizym®, Creon10000®, Magesto®, Polyenzyme® เพราะเอนไซม์เหล่านี้จะช่วยย่อยคาร์โบไฮเดรตแทนเอนไซม์กลูโคสิเดสที่ถูกยาจับไว้
การใช้ยาที่เหมาะสม
- ใช้เสริมยาอื่นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สอง
กลุ่มยาต้านอัลฟากลูโคสิเดสช่วยลดน้ำตาลหลังอาหารได้ดี แต่ลด HbA1C และน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) ได้ไม่มากเมื่อเทียบกับยาเบาหวานชนิดอื่น จึงนิยมใช้เสริมยาลดน้ำตาลในเลือดกลุ่มอื่น ๆ
ขนาดยา Acarbose คือ 25-300 mg/วัน สูงสุดไม่เกิน 600 mg/วัน
ขนาดยา Voglibose คือ 0.6 mg/วัน สูงสุดไม่เกิน 0.9 mg/วัน
ขนาดยา Miglitol คือ 25-300 mg/วัน สูงสุดไม่เกิน 300 mg/วัน
- ใช้ป้องกันในผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคเบาหวาน
ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคเบาหวานได้แก่ผู้ที่มาตรวจสุขภาพแล้วพบค่าผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งข้างล่างนี้
- ค่าน้ำตาลหลังอดอาหารข้ามคืน (FPG) อยู่ในช่วง 100-125 mg%
- ค่าน้ำตาลสะสม (HbA1C) อยู่ในช่วง 5.7-6.4%
- ค่าน้ำตาลหลังรับประทานกลูโคส 75 กรัม ไป 2 ชั่วโมง (2-hr OGTT) อยู่ในช่วง 140-199 mg%
ผู้ที่ตรวจพบแนวโน้มดังกล่าวอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาต้านอัลฟากลูโคสิเดสเสมอไป ส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ควบคุมอาหารหวานก่อน
- ใช้เสริมยาอินซูลินในโรคเบาหวานชนิดที่หนึ่งที่คุมน้ำตาลได่ยาก
มีเพียงยา Voglibose เท่านั้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในข้อบ่งใช้นี้ในประเทศไทย
- อื่น ๆ
ยา Voglibose ยังมีที่ใช้ในบางภาวะ เช่น
- ใช้ป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในโรค Glycogen storage disease type Ib และภาวะ Hyperinsulinemia
- ใช้ควบคุมน้ำตาลในเลือดในภาวะที่ผู้ป่วยได้รับยาสเตียรอยด์เพื่อรักษาโรคบางอย่าง
จากการศึกษาพบว่ายา Voglibose สามารถลดการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง (melanin) ลงได้ด้วย แต่การนำมาใช้จริงคงต้องรอการศึกษาต่อไป
ผลข้างเคียง พิษของยา และข้อควรระวัง
ผลข้างเคียงของกลุ่มยาต้านอัลฟากลูโคสิเดสที่พบบ่อย คือ อาการท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย เบื่ออาหาร คลื่นไส่ อาเจียน เนื่องจากยายับยั้งไม่ให้คาร์โบไฮเดรตถูกย่อยในลำไส้เล็กส่วนต้น เมื่อคาร์โบไฮเดรตเคลื่อนเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนปลายและลำไส้ใหญ่จะกลายเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียเพิ่มจำนวนขึ้น ย่อยคาร์โบไฮเดรตเหล่านี้ได้แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์และกรดไขมัน จึงทำให้รู้สึกมีลมในท้องและผายลมมีกลิ่นเหม็น
ผลข้างเคียงต่อระบบอื่นพบน้อยมาก เพราะยาแทบไม่ดูดซึมเข้ากระแสเลือด ที่พบบ้างได้แก่ ภาวะเอนไซม์ตับสูงขึ้น, ภาวะแก๊สแทรกในผนังทางเดินอาหาร (pneumatosis cystoides intestinalis)
ไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้ใน
- หญิงมีครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร เพราะยังไม่มีการศึกษาถึงความปลอดภัย
- ผู้ป่วยโรคตับแข็ง
- ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง
- ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบชนิด Inflammatory bowel disease หรือโรคลำไส้ที่มีการอุดตัน หรือผู้ที่มีภาวะแก๊สในลำไส้มากอยู่แล้ว
ปฏิกิริยาระหว่างยา
การใช้ยาต้านอัลฟากลูโคสิเดสร่วมกับยา Digoxin อาจทำให้ฤทธิ์ควบคุมหัวใจเต้นรัวของยา Digoxin ลดลง เพราะแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นในลำไส้อาจสลาย lactone ring ของ Digoxin จึงควรตรวจสอบการเต้นของหัวใจระหว่างที่ใช้ยาร่วมกัน
บรรณานุกรม
- "Alpha-glucosidase inhibitor." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia (26 กรกฎาคม 2561).
- Ajay S. Dabhi, et. al. 2013. "Voglibose: An Alpha Glucosidase Inhibitor." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Clin Diagn Res. 2013 Dec: 7(12): 3023-3027. (26 กรกฎาคม 2561).