ยาดูทาสเตอไรด์ (Dutasteride, Avodart®)

ดูทาสเตอไรด์เป็นยาในกลุ่มที่ยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha reductase (5-AR, 5α-R) 5-AR ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมน Testosterone เป็น Dihydrotestosterone (DHT) DHT ไปกระตุ้นให้เซลล์ต่อมลูกหมากแบ่งตัวเพิ่มขึ้น ยาที่ยับยั้งเอนไซม์ 5-AR จึงควบคุมไม่เกิด DHT มากเกินไป จึงไม่ทำให้ต่อมลูกหมากโตขึ้น เมื่อใช้เป็นเวลานานจะช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากลง ยาดูทาสเตอไรด์ไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติของไทย

ที่มาและการออกฤทธิ์:

วงการแพทย์ทราบมานานแล้วว่า 5-AR เป็นหนึ่งในเอนไซม์ที่สร้างสเตียรอยด์และฮอร์โมนเพศจากโคเลสเตอรอล แต่ความสำคัญของเอนไซม์นี้เพิ่งจะกระจ่างชัดเมื่อปี ค.ศ. 1974 เพราะมีเด็กชายชาวโดมินิกัน รีพับลิก อายุ 12 ปี คนหนึ่งมีอวัยวะเพศกำกวม (ภายนอกดูเป็นหญิง แต่มีองคชาติขนาดเล็ก และมีลูกอัณฑะหลบเข้าไปอยู่ในช่องท้อง) เด็กคนนี้ได้รับการตรวจพบว่าขาดเอนไซม์ 5-AR ตั้งแต่เกิด และยิ่งติดตามไปก็พบว่าชายผู้นี้มีต่อมลูกหมากขนาดเล็กแม้จะอายุมากขึ้น นี่เองที่ทำให้เราเกิดแนวคิดในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต

ปัจจุบันเราพบว่า DHT มีฤทธิ์มากกว่า Testosterone โดยจะสร้างให้มีลักษณะของเพศชายทั้งขนาดของอวัยวะเพศ ผิวพรรณ ขน และเส้นผม

เอนไซม์ 5-AR ในปัจจุบันก็พบว่ามี 3 ชนิด กระจายอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ

  • 5-AR type 1 มีมากที่หนังศีรษะ DHT ที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้จะทำให้เส้นผมบางลง หลุดร่วงง่าย
  • 5-AR type 2 มีมากในต่อมลูกหมากและอวัยวะเพศ DHT ที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้จะทำให้เซลล์ของอวัยวะเพศ รวมทั้งต่อมลูกหมากแบ่งตัวมากขึ้น
  • 5-AR type 3 มีมากที่สมอง DHT ที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้จะทำให้ระบบประสาทตื่นตัว เพิ่มการรับรู้ เพิ่มความสามารถในการพูด เพิ่มพื้นที่ในการจดจำ

ยาดูทาสเตอไรด์ยับยั้งเอนไซม์ 5-AR type 1 และ 2 แต่ผู้ผลิตไม่ได้ทำการศึกษาการใช้ยาในกรณีผมร่วง จึงไม่มีข้อบ่งใช้ในกรณีนั้น (แต่ก็ยังมีคนแอบใช้รักษาภาวะศีรษะล้านในเพศชาย โดยใช้ขนาดเดียวกับขนาดรักษาต่อมลูกหมาก ซึ่งเราไม่แนะนำ) ยาดูดซึมได้ประมาณ 60% โดยอาหารไม่มีผลต่อการดูดซึม ยาจับกับโปรตีนในเลือดถึงร้อยละ 99 ส่วนใหญ่ถูกกำจัดที่ตับโดยเอนไซม์ CYP3A4 แล้วถูกขับออกทางอุจจาระ ค่าครึ่งชีวิตนาน 3-5 สัปดาห์เมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่ไตบกพร่องหรือในผู้สูงอายุ แต่ควรระวังการใช้ยาในผู้ที่ตับบกพร่อง

การใช้ยาที่เหมาะสม

  1. ใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโต (Benign prostatic hyperplasia)
  2. ก่อนเริ่มการรักษาด้วยยาดูทาสเตอไรด์ในโรคต่อมลูกหมากโต ควรมีการตรวจให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นโรคทางเดินปัสสาวะอื่น ๆ รวมทั้งไม่ใช่มะเร็งต่อมลูกหมาก และไม่ควรใช้ยานี้รักษาภาวะทางเดินปัสสาวะอุดตัน เพราะกว่ายาจะลดขนาดของต่อมลูกหมากใช้เวลานาน 6 เดือน (ภาวะทางเดินปัสสาวะอุดตันรักษาด้วยการใส่สายสวนปัสสาวะ และใช้ยาในกลุ่มปิดตัวรับอัลฟา-1)

    ขนาดยาที่ใช้คือ 0.5 mg/วัน รับประทานวันละครั้ง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ยาเป็นเจล บรรจุอยู่ในแคลซูลชนิดนิ่ม สีเหลืองขุ่น ควรกลืนยาทั้งแคปซูล ไม่ควรเคี้ยวหรือแกะแคปซูลยา เพราะตัวยาอาจระคายเคืองเยื่อบุช่องปากได้ ในช่วงแรกอาจใช้ร่วมกับยาในกลุ่มปิดตัวรับอัลฟา-1 เพราะจะช่วยให้อาการปัสสาวะลำบากและปัสสาวะบ่อยดีเร็วขึ้น หลังจากที่ขนาดของต่อมลูกหมากลดลง อาการปัสสาวะลำบากก็จะลดลงไปเอง ถึงตอนนั้นอาจหยุดยาในกลุ่มปิดตัวรับอัลฟา-1 ได้

    การใช้ดูทาสเตอไรด์จะทำให้ระดับ PSA ลดลงประมาณ 50% ในผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโต หรือแม้แต่ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก การลดลงของค่า PSA ประมาณ 50% ภายใน 6 เดือนของการรักษาเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการรักษา หลังจากนั้นค่อยปรับค่า PSA baseline เป็นค่าใหม่ที่ลดลง และตรวจติดตามค่า PSA ต่อเป็นระยะ ๆ ในระหว่างที่ยังใช้ยาอยู่ PSA ที่เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นสัญญาณของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก

    ดูทาสเตอไรด์ไม่รบกวนค่า PSA อิสระ ถ้าใช้เปอร์เซนต์ PSA อิสระ เป็นตัวช่วยตรวจสอบมะเร็งต่อมลูกหมากก็ไม่ต้องปรับ baseline ใหม่

    หลังหยุดยาดูทาสเตอไรด์ ระดับ PSA จะค่อย ๆ สูงขึ้นมาเท่า baseline เดิมภายใน 6 เดือน

ยาดูทาสเตอไรด์ห้ามใช้ในผู้หญิงและเด็ก โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์หรืออาจกำลังตั้งครรภ์ เพราะจะทำให้ทารกเพศชายในครรภ์มีอวัยวะเพศภายนอกที่ผิดปกติได้ ตัวยาดูทาสเตอไรด์ดูดซึมได้ทางผิวหนัง สตรีมีครรภ์และเด็กจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแคปซูลยาที่รั่ว

ผลข้างเคียง พิษของยา และข้อควรระวัง

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ความไร้สมรรถภาพทางเพศ ความรู้สึกทางเพศลดลง และปริมาตรน้ำอสุจิที่ขับออกมาลดลง

ผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ อาการซึมเศร้า ปวดบริเวณลูกอัณฑะ เป็นหมัน เต้านมใหญ่ขึ้น เจ็บเต้านม มีของเหลวไหลออกมาจากหัวนม มีเนื้องอกที่เต้านม มีรายงานของการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดไม่ดุด้วย

อาการแพ้ยาดูทาสเตอไรด์ ได้แก่ ลมพิษ ผื่นคัน ริมฝีปากบวม หน้าบวม

ผู้ที่ใช้ยาดูทาสเตอไรด์สามารถตรวจพบยาในน้ำอสุจิด้วย จึงต้องระวังการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงวัยเจริญพันธุ์ เพราะอาจทำให้ตัวอ่อนมีพัฒนาการทางเพศที่ผิดปกติได้

ปฏิกิริยาระหว่างยา

ไม่พบว่ามีปฏิกิริยากับยาอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

บรรณานุกรม

  1. Leonard S Marks. 2004. "5α-Reductase: History and Clinical Importance." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Rev Urol. 2004;6(Suppl 9):S11–S21. (13 พฤศจิกายน 2564).
  2. Faris Azzouni, et al. 2012. "The 5 Alpha-Reductase Isozyme Family: A Review of Basic Biology and Their Role in Human Diseases." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Adv Urol. 2012: 530121. (13 พฤศจิกายน 2564).
  3. "Dutasteride." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (16 พฤศจิกายน 2564).
  4. "Dutasteride." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา DRUGBANK. (16 พฤศจิกายน 2564).
  5. "dutasteride (Rx)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Medscape. (16 พฤศจิกายน 2564).