ยาเฟนตานิล (Fentanyl)
ยาเฟนตานิลเป็นยากลุ่มโอปิออยด์ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นให้มีความแรงในการระงับปวดประมาณ 100 เท่าของมอร์ฟีน ยามีคุณสมบัติละลายในไขมันได้ดี จึงออกฤทธิ์ได้เร็วภายในเวลาเพียง 1-2 นาที แต่ระยะเวลาการออกฤทธิ์ค่อนข้างสั้น ประมาณ 20-30 นาที
ยาเฟนตานิลมีทั้งรูปแบบฉีด กิน อม แผ่นฟิล์มละลายในปาก แผ่นแปะที่ผิวหนัง และยาพ่นจมูก จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 มีข้อบ่งใช้ภายใต้ความควบคุมของแพทย์เช่นเดียวกับยามอร์ฟีน
ที่มาและการออกฤทธิ์:
บริษัทยาพัฒนายาเฟนตานิลจากโครงสร้างทางเคมีของยาเพธิดีน (Pethidine [INN] หรือ Meperidine [USAN]) ซึ่งก็ปรับโครงสร้างมาจากมอร์ฟีนทอดหนึ่งแล้ว เส้นสีแดงคือโครงสร้างหลักของยากลุ่มโอปิออยด์
เฟนตานิลออกฤทธิ์โดยจับกับ Mu (μ) receptors ที่สมองและไขสันหลังเป็นหลัก จึงมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดน้อยกว่ามอร์ฟีน แต่ก็อาจเกิดอาการหน้าแดง แน่นหน้าอก อ่อนเพลียจนรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจพบภาวะหัวใจเต้นช้าลงจากการกระตุ้นที่ vagus nerve ยามีฤทธิ์กดการหายใจ และจะเสริมฤทธิ์กับยาอื่นที่กดการหายใจเช่นกัน
ยาทุกรูปแบบออกฤทธิ์ได้เร็วภายในเวลาไม่กี่นาที และหมดฤทธิ์ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ยกเว้นรูปแผ่นแปะที่ผิวหนัง หลังแปะแผ่นยา ยาจะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังช้า ๆ ระยะแรกยาจะกระจายไปยังชั้นไขมันและกล้ามเนื้อลาย แล้วจึงปลดปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด เห็นฤทธิ์ระงับปวดที่เวลาประมาณ 12-24 ชั่วโมงหลังปิดแผ่นยา จากนั้นจะออกฤทธิ์ต่อเนื่องนานประมาณ 72 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ทุกวัน
การใช้ยาที่เหมาะสม
- ใช้ในการผ่าตัดหรือการทำหัตถการทางการแพทย์ที่กินเวลาค่อนข้างสั้น
กรณีนี้แพทย์และวิสัญญีแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา
- ใช้บรรเทาอาการปวดเรื้อรังจากมะเร็งหรือพยาธิสภาพที่ระบบประสาท
ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้รูปแผ่นแปะผิวหนัง ซึ่งมีการปลดปล่อยยาหลายขนาดความเร็วตั้งแต่ 12, 25, 50, 75, และ 100 ไมโครกรัม/ชั่วโมง ขนาดการใช้ขึ้นอยู่กับระดับความปวดของผู้ป่วยแต่ละคน การใช้ยาในระยะเริ่มต้นควรพิจารณาจากชนิดและขนาดของยากลุ่มโอปิออยด์ที่เคยได้รับ ระดับความทนได้ของผู้ป่วยต่อผลข้างเคียงของยา รวมทั้งสภาพของผู้ป่วย ณ ขณะนั้น ในรายที่ไม่เคยเลยใช้ควรเริ่มที่ขนาดต่ำสุดก่อน
รูปข้างต้นแสดงขนาดของเฟนตานิลชนิดแผ่นแปะ (fentanyl patch) ที่ควรใช้ เมื่อเทียบกับปริมาณยา Morphine ที่ผู้ป่วยเคยได้รับ
- ใช้เพื่อให้คนไข้สงบและควบคุมการหายใจด้วยเครื่อง
ในกรณีที่การหายใจล้มเหลวและคนไข้ต้านเครื่องช่วยหายใจ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเฟนตานิลร่วมกับยานอนหลับเพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขนาดยาที่ใช้คือ 1-2 mcg/kg/hour หรือ 25-200 mcg/hour IV drip continuously
ผลข้างเคียง พิษของยา และข้อควรระวัง
ยาเฟนตานิลมีผลข้างเคียงเช่นเดียวกับมอร์ฟีน คือ ง่วงซึม คลื่นไส้อาเจียน ไม่สบายท้อง ปัสสาวะคั่ง ความดันโลหิตต่ำ ประสาทหลอน ในขนาดสูงจะกดการหายใจ ทำให้หายใจช้าลง หัวใจเต้นช้า ปลุกไม่ตื่นร่วมกับรูม่านตาเล็กลง
หากใช้ติดต่อกันนานไม่ควรหยุดยาทันที เพราะจะเกิดอาการขาดยา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดลงช้า ๆ ก่อนหยุดใช้
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ระวังการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาหากให้ยาเฟนตานิลร่วมกับ ...
- แอลกอฮอล์หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาท เช่น ยากันชัก ยานอนหลับ ยาคลายเครียด ยาต้านซึมเศร้า ยาทางจิตเวช และยาแก้หวัดชนิดที่ทำให้ง่วง เพราะจะเสริมฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางและกดการหายใจมากขึ้น
- ยาที่กระตุ้นเอ็นไซม์ CYP3A4 เช่น Carbamazepine, Phenytoin, Rifampin, Dexamethasone ยาเหล่านี้จะทำให้ร่างกายทำลายยาเฟนตานิลเร็วขึ้น ฤทธิ์แก้ปวดจะลดลง
- ยาที่ยับยั้งเอ็นไซม์ CYP3A4 ได้แก่ ยาฆ่าเชื้อรากลุ่ม Azoles (Ketoconazole, iItraconazole), ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Macrolides (Erythromycin, Clarithromycin), ยารักษาโรคเอดส์กลุ่ม Protease inhibitors (Nelfinavir, Ritonavir) เพราะยาเหล่านี้จะทำให้ร่างกายทำลายยาเฟนตานิล ฤทธิ์ของเฟนตานิลจึงนานขึ้น
- ยากลุ่ม Anticholinergics หรือยาอื่นที่ออกฤทธิ์ anticholinergic เช่น Belladonna, Scopolamine, Disopyramide, Orphenadrine เนื่องจากอาการข้างเคียงของยาเฟนตานิลจะเพิ่มขึ้น เกิดอาการท้องผูกรุนแรงขึ้น ลำไส้ไม่ทำงาน และปัสสาวะไม่ออกได้
- ยาแก้ท้องเสียและยาในกลุ่ม Antiperistaltics เช่น Diphenoxylate+Atropine, Loperamide, Opium tincture เพราะถ้าให้ร่วมกับเฟนตานิลเป็นเวลานานในขนาดสูงจะทำให้อาการข้างเคียงของเฟนตานิลเพิ่มขึ้น เกิดอาการท้องผูกรุนแรง และกดระบบประสาทส่วนกลางเพิ่มขึ้น
- ยาแก้ปวดตัวอื่นในกลุ่มโอปิออยด์ เพราะอาจส่งผลให้กดระบบประสาทส่วนกลางเพิ่มขึ้น กดการหายใจ และความดันเลือดลดต่ำลงได้
- ยาแก้ปวดในกลุ่ม Mixed agonist-antagonist opioids เช่น Pentazocine, Nalbuphine เนื่องจากยากลุ่มนี้จะต้านฤทธิ์แก้ปวดของเฟนตานิล
- ยาลดความดันเลือดกลุ่มยาขับปัสสาวะ เนื่องจากเฟนตานิลทำให้ความดันเลือดลดลงอยู่แล้ว การให้ร่วมกันอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำเกินไป
- ยาลดความดันเลือดกลุ่ม Beta-adrenergic blocking agents เพราะอาจทำให้เกิดหัวใจเต้นช้าเกินไปได้
- ยากลุ่ม Monoamine oxidase inhibitors (MAOIs) เพราะจะทำให้เกิด serotonin syndrome
- ยากลุ่ม Sedating antihistamines เช่น hydroxyzine เพราะจะทำให้ฤทธิ์ของเฟนตานิลแรงขึ้น
- Prokinetic drugs เช่น Metoclopramide เพราะเฟนตานิลต้านฤทธิ์ของยากลุ่มนี้ในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้การใช้ยาไม่ได้ผล