โบรอน (Boron, B)
โบรอนเป็นธาตุกึ่งโลหะที่หายากบนพื้นโลก เนื่องจากมันละลายน้ำ สารประกอบของมันจึงอยู่ในรูปเกลือบอเรต (borate, boric acid) เป็นส่วนใหญ่ เมื่อน้ำระเหยไป มันมักรวมอยู่กับสารอินทรีย์ (R) อื่น เกิดเป็น boronic acid และ borinic acid บอเรตที่รวมกับโซเดียมจะได้สารประกอบบอแรกซ์ (borax) หรือน้ำประสานทอง ที่หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยออกกฎหมายห้ามผสมในอาหาร เพราะเกรงว่าผู้ประกอบการอาจใส่มากจนเกินไปจนผู้บริโภคเกิดพิษสะสมในร่างกาย ปริมาณที่เป็นพิษ (median lethal dose) คือ 2.66 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่เกลือแกงจะเกิดเป็นอันตรายต่อร่างกาย
การมีกฎหมายห้ามบริโภคบอแรกซ์นี่เองที่ทำให้ธาตุโบรอนถูกละเลยจากบัญชีสารอาหารจำเป็นของแทบทุกหน่วยงาน
แต่โบรอนเป็นธาตุที่สำคัญสำหรับคน สัตว์ และพืช มันช่วยให้พืชแตกดอก ออกใบ และเพิ่มความแข็งแรงให้ผนังเซลล์ (cell wall) ดินที่ขาดโบรอนจะทำให้ใบพืชเน่า ในคนโบรอนมีส่วนในขบวนการของชีวิตมากมาย ตั้งแต่การเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน การสร้างโปรตีนและกรดอะมิโน การกำจัดอนุมูลอิสระ การสร้างและบำรุงรักษากระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน การป้องกันและรักษาภาวะข้อเสื่อม เพิ่มระดับฮอร์โมนเพศและวิตามินดี ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ระบบประสาทตื่นตัวและเรียนรู้ได้ดีขึ้น
บทบาทของโบรอนในร่างกาย
บทบาทสำคัญของโบรอน ได้แก่
- สร้างกระดูกและเสริมความแข็งแรงให้กระดูก โดยโบรอนลดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกและลดการขับแคลเซียมทิ้งที่ไต [14] บทบาทนี้ยังเกิดได้ในภาวะที่ขาดวิตามินดี โดยเชื่อว่าโบรอนยับยั้งไม่ให้เอนไซม์ 24-hydroxylase ทำลาย 1α,25[OH]2D3 เร็วเกินไป [16-17]
- เพิ่มระดับของฮอร์โมนเพศทั้งชายและหญิง มีผู้ทำการทดลองให้สตรีวัยทองรับประทานอาหารที่มีโบรอนต่ำ (0.25 mg/วัน) เป็นเวลา 119 วัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นให้โบรอนเสริมขนาด 3 mg/วัน เป็นเวลา 28 วัน พบว่าสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมน 17 beta-estradiol และ testosterone ในเลือดได้ [14]
- เพิ่มการดูดซึมแมกนีเซียมจากทางเดินอาหารและการสะสมที่กระดูก [5]
- รักษาข้อเสื่อม [18] โดยลดระดับของสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น hs-CRP, TNF-α, IL-6 [5]
- เร่งสมานแผล พบว่าการทาน้ำยา 3% boric acid ลงในแผลขนาดใหญ่และลึก ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น [15] โดยโบรอนไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาส (fibroblast) ให้หลั่งเอนไซม์ elastase, collagenase, alkaline phosphatase ที่ช่วยสร้างคอลลาเจนและแมทริกซ์ให้แผลปิดเร็วขึ้น
- สร้างชีวโมเลกุลที่สำคัญ เนื่องจากโบรอนรวมกับสารอินทรีย์อื่นที่มีไฮดร็อกซิล (-OH) อยู่ด้านนอกได้ง่าย สารอินทรีย์เหล่านี้ได้แก่ polysaccharides, pyridoxine, riboflavin, dehydroascorbic acid, pyridine nucleotide, nicotinamide adenine dinucleotide (NAD+), และ nicotinamide adenine dinucleotide phosphate (NADP) ซึ่งแทบทุกตัวมีบทบาทในเมตาบอลิซึมที่สำคัญของร่างกาย การรวมตัวกันของโบรอนกับสารเหล่านี้ทำให้สารเหล่านี้ทำงานได้ดีขึ้น [5, 20]
- กระตุ้นการทำงานของสมอง มีการศึกษาทั้งในคนและสัตว์ทดลองพบว่า การขาดโบรอนทำให้คลื่นไฟฟ้าสมองลดลง และการให้โบรอนขนาด 3 mg/วัน ชดเชยเป็นเวลา 3 เดือน ทำให้สมองตื่นตัว รับรู้เร็วขึ้น ความจำดีขึ้น คลื่นไฟฟ้าสมองก็แสดงการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวมากขึ้น [21-22]
- ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด, เป็นองค์ประกอบของยารักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งไขกระดูกตัวใหม่ ๆ, ลดผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดตัวอื่น [5-6]
- ต้านพิษโลหะหนัก เช่น arsenic, cadmium, mercury, และตะกั่ว (lead) ในคน [23]
- ต้านพิษของยาฆ่าแมลงมาลาไธออน (Malathion) ในหนูทดลอง [19]
แหล่งอาหารที่มีโบรอนสูง
เนื่องจากเป็นธาตุที่หายากในโลก ปริมาณโบรอนในอาหารค่อนข้างแตกต่างกันในภูมิภาคของโลก เพราะดินบางแห่งขาดธาตุโบรอน แผนที่ข้างล่างแสดงบริเวณที่ดินขาดธาตุโบรอน โชคดีที่ดินในประเทศไทยไม่ขาด
ตารางปริมาณโบรอนในอาหารที่เราแสดงจึงเป็นปริมาณเฉลี่ยของข้อมูลจากหลายแหล่ง อาหารที่มีโบรอนสูงได้แก่ ผัก ผลไม้ ถั่ว รวมทั้งผลไม้ตากแห้งทั้งหลาย เพราะธาตุโบรอนไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา
ยังไม่มีปริมาณแนะนำต่อวันของโบรอน แต่เชื่อว่าวันหนึ่งคนเราต้องการอย่างน้อย 0.9 mg ปริมาณที่เหมาะสมจึงควรเป็น 2-3 mg/วัน ในผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานเกิน 20 mg/วัน เพราะอาจเกิดพิษสะสมได้
โบรอนดูดซึมเข้าร่างกายได้ดี ส่วนที่เกินความต้องการจะถูกขับออกทางปัสสาวะ เนื่องจากเป็นธาตุที่ละลายน้ำ การหุงต้มอาหารแบบที่เทน้ำทิ้งจะสูญเสียโบรอนไปกับน้ำ
ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเมตาบอลิซึมของโบรอนในร่างกายคน
ภาวะขาดโบรอน
ภาวะขาดโบรอนพบได้บ่อยที่สุดในบรรดาธาตุที่จำเป็นทั้งหลาย โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ดินขาดธาตุโบรอน จากการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่า ประชากรในประเทศที่ดินขาดโบรอนเกิดโรคข้อเสื่อมมากกว่าประชากรในประเทศที่ดินมีโบรอนอุดมสมบูรณ์ [24]
แต่ยังไม่มีรายงานของอาการขาดโบรอนโดยเฉพาะ เพราะโบรอนเป็นธาตุที่ช่วยการทำงานของสารอื่น ๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังไม่มีการศึกษาระดับปกติในเลือด การวินิจฉัยจึงทำไม่ได้
พิษของโบรอน
ยังไม่พบพิษของโบรอนจากอาหาร แต่พบในผู้ที่บังเอิญกินกรดบอริกซึ่งเป็น antiseptics > 20 กรัมทีเดียว หรือกินอาหารที่ผสมบอแรกซ์ > 500 mg เป็นประจำทุกวัน โดยจะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง เลือดออกในทางเดินอาหาร วิงเวียน ความดันโลหิตต่ำ ในผู้ที่ไตเสื่อมอยู่แล้วอาจเกิดภาวะไตวายได้
ก๊าซบอเรน (borane) เป็นก๊าซพิษที่ติดไฟง่าย หากสูดดมเข้าไปจะเกิดอาการหายใจติดขัด รู้สึกแน่นในลำคอหรือแน่นหน้าอก อาจเกิดลมพิษ คัน หรือบวมตามใบหน้า หนังตา และปาก
บรรณานุกรม
- "Other trace elements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มีนาคม 2563).
- "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
- "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Boron." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (27 มีนาคม 2563).
- Lara Pizzorno. 2015. "Nothing Boring About Boron." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Integr Med (Encinitas). 2015;14(4):35–48. (28 มีนาคม 2563).
- "Boron." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา advance-health.com. (28 มีนาคม 2563).
- "Boron." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Green Clinic. (27 มีนาคม 2563).
- "น้ำประสานทอง." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา th.wikipedia.org. (28 มีนาคม 2563).
- "Top Health Benefits of Boron." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา AlgaeCal. (27 มีนาคม 2563).
- "The Top Boron-Rich Food Sources." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา AlgaeCal. (27 มีนาคม 2563).
- "Boron in Food." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Green Facts. (27 มีนาคม 2563).
- "16 Food Sources To Get All the Boron You Need!" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Daily Hunt. (27 มีนาคม 2563).
- Mohammad R Naghii, et al. 1997. "The boron content of selected foods and the estimation of its daily intake among free-living subjects." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Am Coll Nutrition 15(6):614-9. (27 มีนาคม 2563).
- Nielsen FH, et al. 1987. "Effect of dietary boron on mineral, estrogen, and testosterone metabolism in postmenopausal women." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา FASEB J. 1987;1(5):394-7. (29 มีนาคม 2563).
- Blech MF, et al. 1990. "Treatment of deep wounds with loss of tissue: value of a 3 percent boric acid solution." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Presse Med. 1990;19(22):1050-2. (29 มีนาคม 2563).
- Miljkovic D, et al. 2009. "Calcium fructoborate: plant-based dietary boron for human nutrition." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Diet Suppl. 2009; 6(3):211-26. (29 มีนาคม 2563).
- Miljkovic D, et al. 2004. "Up-regulatory impact of boron on vitamin D function -- does it reflect inhibition of 24-hydroxylase?" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Med Hypotheses. 2004;63(6):1054-6. (29 มีนาคม 2563).
- Newnham R. 2004. "Discovering the cure for arthritis." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutr Health. 2004;17(4):281–284. (29 มีนาคม 2563).
- Coban FK, et al. 2014. "Boron attenuates malathion-induced oxidative stress and acetylcholinesterase inhibition in rats." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Drug Chem Toxicol. 2014;38(4):391–399. (30 มีนาคม 2563).
- Dessordi R & Navarro MA. 2014. "Boron action in bone health." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Rheumatol Orthop Med. 2017;2(1):1-3. (30 มีนาคม 2563).
- Penland JG. 1998. "The importance of boron nutrition for brain and psychological function." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Biol Trace Elem Res. 1998;66(1-3):299-317. (30 มีนาคม 2563).
- Penland JG. 1994. "Dietary boron, brain function, and cognitive performance." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Environ Health Perspect. 1994;102(Suppl 7): 65–72. (30 มีนาคม 2563).
- Turkez H, et al. 2012. "The effects of some boron compounds against heavy metal toxicity in human blood." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Exp Toxicol Pathol. 2012;64(1-2):93-101. (30 มีนาคม 2563).
- "Boron deficiency." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Science Direct. (30 มีนาคม 2563).