โพแทสเซียม (Potassium, K)
โพแทสเซียมเป็นธาตุโลหะในกลุ่มอัลคาไล เช่นเดียวกับโซเดียม มีอิเล็กตรอนวงนอกสุดเพียง 1 ตัว จึงสามารถให้อิเล็กตรอนและกลายเป็นไอออนบวกได้อย่างง่ายดาย ไอออนโพแทสเซียมสามารถจับกับไอออนลบของธาตุอื่น เช่น คลอไรด์ (Cl-), ไฮดรอกไซด์ (OH-), และไนเตรต (NO3-) เพื่อเกิดเป็นสารประกอบหลายชนิด
ตัวอย่างเช่น โพแทสเซียมคลอไรด์ใช้เป็นยารักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ แต่เป็นยาที่มีอันตรายสูง หากให้ขนาดมากเกินไปหรือเร็วเกินไปอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้
สารอื่นที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (ใช้ผลิตสบู่), โพแทสเซียมไนเตรต (ส่วนประกอบของดินปืน), และโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต (ด่างทับทิม ใช้ล้างสารเคมีตกค้างและฆ่าเชื้อที่ผิวหนัง)
โพแทสเซียมพบได้มากในผิวโลก และมีอยู่ในผักผลไม้แทบทุกชนิด ในร่างกายของมนุษย์ โพแทสเซียมคิดเป็น 0.3% ของน้ำหนักตัว โดยส่วนใหญ่อยู่ภายในเซลล์ มีบทบาทสำคัญในการควบคุมปริมาณน้ำภายในเซลล์ และรักษาความต่างศักย์ที่เยื่อหุ้มเซลล์
หน่วยวัดปริมาณโพแทสเซียม
ในอาหาร: มิลลิกรัม (mg) หรือกรัม (g)
ในเลือด: มิลลิโมล/ลิตร (mmol/L) หรือ มิลลิอิควิวาเลนต์/ลิตร (mEq/L) โดย 1 mmol/L = 1 mEq/L
บทบาทของโพแทสเซียมในร่างกาย
โพแทสเซียมเป็นไอออนบวกหลักภายในเซลล์ โดยมีความเข้มข้นสูงกว่านอกเซลล์ถึง 37 เท่า ร่างกายรักษาความต่างศักย์นี้ผ่านกลไก Na+/K+ ATPase Pump ซึ่งอยู่ที่เยื่อหุ้มเซลล์ของทุกเซลล์ โดยจะขับ Na+ ออก 3 ตัว แลกกับดูด K+ เข้า 2 ตัว
กลไกนี้มีความสำคัญต่อการนำไฟฟ้าของเซลล์ เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการส่งกระแสประสาท
นอกจากนี้ โพแทสเซียมยังควบคุมปริมาณน้ำ ความเข้มข้นของสาร และความดันออสโมติกภายในเซลล์ และเป็นปัจจัยร่วมของเอนไซม์ pyruvate kinase ซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงาน
การศึกษาแสดงให้เห็นว่า การบริโภคโพแทสเซียมเพิ่มขึ้นช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันสูง ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด หัวใจ และมะเร็ง รวมถึงลดการสูญเสียแคลเซียมทางปัสสาวะ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของนิ่วในไตและโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
แหล่งอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
โพแทสเซียมพบได้ในผักและผลไม้แทบทุกชนิด กรมอนามัยแนะนำให้คนไทยรับโพแทสเซียมอย่างน้อยวันละ 3,500 mg (ยกเว้นผู้ป่วยไตวาย ควรรับเพียง 1,500–2,700 mg/วัน)
โพแทสเซียมดูดซึมได้ดีมาก และไตจะเป็นอวัยวะหลักในการขับออกส่วนเกิน
การหุงต้มอาจทำให้โพแทสเซียมสูญเสีย 33–72% โดยเฉพาะเมื่อมีการเทน้ำทิ้งหลังต้ม ดังนั้นควรบริโภคน้ำต้มหรือหลีกเลี่ยงการเทน้ำทิ้งเพื่อลดการสูญเสียโพแทสเซียม
ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด ยังคงโพแทสเซียมไว้ได้ดีเพราะไม่ผ่านการต้ม
ภาวะขาดโพแทสเซียม
ภาวะโพแทสเซียมต่ำ (hypokalemia) หมายถึงระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำกว่า 3.5 mEq/L
สาเหตุได้แก่ การสูญเสียเกลือแร่จากท้องร่วง ใช้ยาขับปัสสาวะ ออกกำลังกายมาก โดยไม่ได้รับทดแทนเพียงพอ หรือเกิดจากภาวะขาดแมกนีเซียม โรคไต หรือโรคของต่อมไร้ท่อ นอกจากนี้ยังพบในภาวะที่โพแทสเซียมถูกดึงเข้าสู่เซลล์ เช่น Familial periodic paralysis
อาการ: กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลำไส้ไม่ทำงาน ความดันต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ หากรุนแรงอาจหายใจไม่ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อกระบังลมไม่มีแรง
การรักษา: ตรวจเลือดยืนยันและให้โพแทสเซียมคลอไรด์ร่วมกับรักษาสาเหตุ เช่น หยุดยาขับปัสสาวะ และเสริมแมกนีเซียมหากขาด
ภาวะโพแทสเซียมเกิน
ภาวะโพแทสเซียมสูง (hyperkalemia) หมายถึงระดับโพแทสเซียมในเลือดมากกว่า 5.0 mEq/L
พบน้อย ส่วนใหญ่เกิดจากยาที่ลดการขับโพแทสเซียมทางไต เช่น ยาลดความดันบางกลุ่ม ยาขับปัสสาวะที่สงวนโพแทสเซียม ยากันชักบางชนิด หรือเกิดจากการได้รับโพแทสเซียมมากเกินไปผ่านน้ำเกลือหรืออาหารทางการแพทย์ หรือจากภาวะไตวายและภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งทำให้โพแทสเซียมเคลื่อนออกจากเซลล์
อาการ: อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ใจสั่น หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจหยุดเต้นหากระดับสูงมาก
การวินิจฉัย: ตรวจเลือด
การรักษา: แก้ที่สาเหตุ และในกรณีรุนแรงอาจใช้ยาขับโพแทสเซียมทางลำไส้ หรือฟอกเลือดหากเป็นผู้ป่วยไตวาย
ภาวะโพแทสเซียมสูงจากอาหารธรรมชาติไม่เคยเกิดในคนที่ไตทำงานปกติ
สรุป
โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่พบได้ในผักและผลไม้แทบทุกชนิด มีบทบาทในการควบคุมสมดุลน้ำ ความต่างศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ การนำกระแสประสาท การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการผลิตพลังงาน การได้รับโพแทสเซียมในปริมาณเหมาะสมช่วยลดความดันโลหิต ลดการขับแคลเซียม ลดความเสี่ยงโรคนิ่วในไตและกระดูกพรุน การขาดหรือเกินโพแทสเซียมอาจส่งผลร้ายแรงต่อระบบหัวใจและกล้ามเนื้อ ควรดูแลให้ได้รับในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคไตที่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์
บรรณานุกรม
- "Potassium." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มีนาคม 2563).
- "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
- "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Potassium." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Oregon State University. (30 มีนาคม 2563).
- "Potassium." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (30 มีนาคม 2563).
- "potassium." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา whfoods.org. (30 มีนาคม 2563).
- "13.4 Potassium." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutrition Flexbook. (30 มีนาคม 2563).
- "- Elements - 26: POTASSIUM." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา apjcn.nhri.org.tw. (30 มีนาคม 2563).
- "Potassium." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (30 มีนาคม 2563).
- James L. Lewis, III . 2018. "Overview of Disorders of Potassium Concentration." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MSD Manual. (30 มีนาคม 2563).
- James L. Lewis, III. 2018. "Hypokalemia." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MSD Manual. (30 มีนาคม 2563).
- James L. Lewis, III. 2018. "Hyperkalemia." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MSD Manual. (30 มีนาคม 2563).
- Daisy Whitbread. 2019. "Top 10 Foods Highest in Potassium." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MYFOODDATA. (30 มีนาคม 2563).