วิตามิน B7 (Biotin)
ไบโอตินมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น coenzyme R, vitamin H, และ vitamin B7, vitamin B8 (ในบางประเทศจัด Inositol เป็นวิตามิน B7) ในที่นี้เราจัดให้มันอยู่ในกลุ่มของวิตามินบี เพราะมันเป็นวิตามินที่ละลายน้ำและเกี่ยวข้องกับขบวนการสร้างพลังงานในวัฏจักรเครบส์ (Krebs cycle) เช่นเดียวกับวิตามินบีอื่น ๆ
ไบโอตินในธรรมชาติมี 2 รูป คือ ไบโอตินอิสระ (free biotin) และไบโอตินที่จับกับโปรตีน lysine (เรียกว่า biocytin) ไบโอตินอิสระสามารถดูดซึมได้เลย แต่ biocytin ต้องถูกเอนไซม์ biotinase ในทางเดินอาหารแตกให้เป็น free biotin กับ lysine ก่อน และต้องอาศัยตัวพา hSMVT (human sodium-dependent multivitamin transporter) จึงจะดูดซึมเข้าที่ลำไส้เล็กได้ หลังถูกใช้งานไบโอตินที่ถูกรวมเข้ากับโปรตีนสามารถแตกตัวและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยเอนไซม์ biotinidase ภายในเซลล์
แบคทีเรียในร่างกายก็สร้างไบโอตินได้ ไบโอตินส่วนที่เหลือใช้จะเก็บไว้ที่ตับ
หน่วยวัดปริมาณวิตามิน B7
ปริมาณไบโอตินในอาหารวัดเป็นไมโครกรัม (mcg) เดิมเคยเข้าใจว่าร่างกายต้องการถึงวันละ 100-200 ไมโครกรัม แต่ปัจจุบันเชื่อว่าต้องการเพียงวันละ 30 ไมโครกรัม
บทบาทของวิตามิน B7
ไบโอตินเป็นปัจจัยร่วม (cofactor) ของเอนไซม์ carboxylases 5 ตัว โดยไบโอตินต้องรวมเป็นส่วนหนึ่งของเอนไซม์เหล่านี้ เอนไซม์จึงจะทำงานได้ เอนไซม์เหล่านี้ได้แก่
- Acetyl-CoA carboxylase
- Methylmalonyl-CoA carboxyltransferase
- 3-Methylcrotonyl-CoA carboxylase
- Propionyl-CoA carboxylase
- Pyruvate carboxylase
เอนไซม์เหล่านี้ทำหน้าที่สร้างพลังงานในวัฏจักรเครบส์ (Krebs cycle) เปลี่ยนกรดไขมันและกรดอะมิโนให้เป็นกลูโคส สังเคราะห์กรดไขมันและกรดอะมิโนบางตัว
นอกจากนี้ ไบโอตินยังมีบทบาทในการสร้างอินซูลิน การควบคุมการแสดงออกของยีน การปรับแต่งฮีสโตน และการส่งสัญญาณต่าง ๆ ของเซลล์
แหล่งของวิตามิน B7 ในธรรมชาติ
อาหารที่มีไบโอตินสูงได้แก่ เต้าหู้ ตับ ไข่ หัวหอมใหญ่ มะเขือเทศ แครอท อะโวคาโด กล้วย เห็ด มันเทศ เนื้อสัตว์ เมล็ดทานตะวันและถั่วต่าง ๆ
ไบโอตินค่อนข้างคงทนต่อความร้อนในการปรุงอาหาร เพราะมันจับกับโปรตีนแน่น การต้มถั่วแดงจนนิ่มจะเสียไบโอตินไปเพียง 10% แต่ขบวนการทำอาหารกระป๋องจะสูญเสียไบโอตินไปถึง 40-80% จากอาหารปกติ
ในไข่ขาวดิบมีสาร avidin ที่ยับยั้งการดูดซึมไบโอติน การรับประทานไข่ลวกที่สุกน้อยอาจทำให้ไบโอตินจากอาหารอื่นไม่ถูกดูดซึมด้วย
ภาวะขาดวิตามิน B7
ภาวะขาดไบโอตินพบได้น้อย เพราะร่างกายสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่วนใหญ่ต้องมีเหตุที่ทำให้ขาด เช่น
- ในผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางหลอดเลือดแต่เป็นชนิดที่ไม่มีไบโอตินผสม
- ทารกที่ได้รับนมชนิดที่ไม่มีไบโอตินผสม
- คนที่ชอบรับประทานไข่ขาวดิบ
- ผู้ป่วยที่รับประทานยากันชักนาน ๆ เพราะยากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ลดการดูดซึมและเพิ่มการทำลายไบโอติน
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด เพราะนิโคตินเพิ่มการทำลายไบโอติน
- โรคพันธุกรรมที่ขาดเอนไซม์ biotinidase ทำให้ biotin ไม่สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้
- ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มี pantothenic acid (vitamin B5) หรือ lipoic acid ในปริมาณสูง เพราะทั้งสองตัวนี้ใช้ตัวพา hSMVT ตัวเดียวกับไบโอติน
- ผู้ที่ได้รับยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ เพราะจะฆ่าแบคทีเรียในลำไส้ที่ช่วยสร้างวิตามินไปหมด
อาการของการขาดไบโอตินคือ ผมร่วง มีสะเก็ดแดงรอบตา จมูก ปาก (biotin deficiency facies) เยื่อบุตาอักเสบ (ตาแดง) และมีผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศ เล็บเปราะ (onychorrhexis) เหน็บชา เดินเซ อ่อนแรง ซึม ประสาทหลอน ชัก ตรวจเลือดจะพบ lactic acidosis, ketoacidosis ตรวจปัสสาวะจะพบ aciduria
การวินิจฉัยอาศัยอาการแสดงและแล็บหลายตัวสนับสนุน เช่น
- ระดับ propionyl-CoA carboxylase activity ในเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ลดลง
- ระดับ holo-methylcrotonyl-CoA carboxylase และ holo-propionyl-CoA carboxylase ในเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ลดลง
- biotin ในปัสสาวะต่อวัน < 18 nmol
- ตรวจสาร 3-hydroxyisovaleric acid ในปัสสาวะ > 3.3 mmol/mol creatinine หรือ 3-hydroxyisovalerylcarnitine > 0.06 mmol/mol creatinine เนื่องจากเอนไซม์ carboxylases ทำงานไม่ได้
- ระดับ serum biotin ต่ำ (ค่าปกติ 133–329 pmol/L) แต่ค่านี้มีความจำเพาะต่ำ เพราะไบโอตินในเลือดไม่ค่อยอยู่ในรูปอิสระ
ผู้ที่วินิจฉัยว่าขาดไบโอตินต้องหาสาเหตุก่อนทุกครั้ง หากเป็นโรคขาดเอนไซม์ biotinase ต้องให้ไบโอตินเสริมไปตลอดชีวิต ไบโอตินในรูปเม็ดยามีขนาด 1, 3, 5, 10 mg/เม็ด (ร่างกายต้องการเพียงวันละ 30 mcg หรือ 0.03 mg)
พิษของวิตามิน B7
ยังไม่มีรายงานพิษของไบโอติน พบแต่การรบกวนผลแล็บ การรับประทานไบโอตินเสริมอาหารในขนาด 10–300 mg/วัน
- ทำให้การวัดระดับฮอร์โมนไทรอยด์สูงขึ้นผิดปกติโดยที่ไม่ได้ป่วย
- ทำให้การวัดระดับ 25-hydroxyvitamin D สูงขึ้นจนเป็นปกติทั้งที่ผู้ป่วยขาดวิตามินดี
- ทำให้ค่า pro-BNP และ Troponin ลดลงจนไม่สามารถวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลวได้
บรรณานุกรม
- "10.8 Biotin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutrition Flexbook. (5 มีนาคม 2563).
- "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
- "Unit Conversions." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา USDA. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Biotin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Oregon State University. (6 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Biotin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (6 กุมภาพันธ์ 2563).
- "The Function of Biotin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา chem.uwec.edu (2 มีนาคม 2563).
- "Biotin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา whfoods.org. (2 มีนาคม 2563).
- "Biotin." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (2 มีนาคม 2563).
- Toshiaki Watanabe, et al. 2014. "Biotin content table of select foods and biotin intake in Japanese." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Int J Anal Bio-Sci. 2014;2(4):109–125. (5 มีนาคม 2563).
- C.G. Staggs, et al. 2004. "Determination of the biotin content of select foods using accurate and sensitive HPLC/avidin binding." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Food Compost Anal. 2004;17(6):767–776. (5 มีนาคม 2563).