ข้อควรระวังในการรับวัคซีน

แม้ว่าวัคซีนจะเป็นวิธีการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย แต่การรับวัคซีนในแต่ละคนจำเป็นต้องพิจารณาความเหมาะสมตามอายุ สถานะสุขภาพ โรคประจำตัว และสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง เพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

1. ข้อจำกัดของวัคซีนแต่ละประเภท

  • วัคซีนเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ (Live-attenuated vaccines):
    • ไม่ควรใช้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ติดเชื้อ HIV ที่มี CD4 ต่ำ หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิ
    • ควรหลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ เพราะอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์
    • ตัวอย่างวัคซีน: MMR, อีสุกอีใส, ไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก
  • วัคซีนชนิด mRNA (เช่น Pfizer-BioNTech, Moderna):
    • แม้จะปลอดภัยในวงกว้าง แต่ควรระวังในผู้ที่เคยมีอาการแพ้สาร polyethylene glycol (PEG)
    • มีรายงานภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในบางกลุ่มอายุ (ชายวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว)
  • วัคซีน toxoid (วัคซีนพิษไร้ฤทธิ์):
    • โดยทั่วไปปลอดภัยในทุกช่วงวัย แต่ต้องระวังในผู้ที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีนชนิดเดียวกันในอดีต
    • ตัวอย่าง: วัคซีนบาดทะยัก, คอตีบ
  • วัคซีนเชื้อตาย (Inactivated vaccines):
    • ปลอดภัยแม้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือหญิงตั้งครรภ์
    • อาจต้องฉีดหลายเข็มหรือมีการกระตุ้น (booster) เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันเพียงพอ

2. การรับวัคซีนภายหลังการได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือด

การได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือด เช่น อิมมูโนโกลบูลิน อาจรบกวนการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนบางชนิด โดยเฉพาะวัคซีนเชื้อเป็น

  • วัคซีนที่ควรเว้นระยะหลังได้รับเลือด:
    • MMR, อีสุกอีใส, ไข้เหลือง
  • ระยะเวลาที่ควรเว้น: โดยทั่วไป 3-11 เดือน ขึ้นกับชนิดและปริมาณของผลิตภัณฑ์เลือด


3. วัคซีนที่ไม่แนะนำในเด็กเล็ก

  • ไข้เหลือง – ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน
  • อีสุกอีใส – ไม่แนะนำในเด็กอายุน้อยกว่า 12 เดือน
  • HPV – เริ่มใช้ได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป

4. วัคซีนที่ควรระวังหรืออาจไม่ได้ผลดีในผู้สูงอายุ

  • วัคซีนที่กระตุ้น T-cell อย่างวัคซีนเชื้อเป็น อาจมีประสิทธิภาพลดลงในผู้สูงอายุ
  • ไข้หวัดใหญ่ – แนะนำให้ใช้สูตรความเข้มข้นสูง (high-dose flu vaccine)
  • โควิด-19 – ผู้สูงอายุควรได้รับ booster เป็นระยะเพื่อคงระดับภูมิคุ้มกัน

5. วัคซีนที่ต้องได้รับ booster เป็นประจำ

  • บาดทะยัก – ทุก 10 ปี
  • ไข้หวัดใหญ่ – ปีละ 1 ครั้ง
  • โควิด-19 – ทุก 6–12 เดือนในกลุ่มเสี่ยง
  • ไอกรน – แนะนำ booster ทุก 10 ปีในผู้ใหญ่

6. วัคซีนที่หากรับไม่ครบ อาจต้องเริ่มต้นใหม่

  • โควิด-19 (บางสูตร): หากขาดช่วงนาน อาจต้องเริ่มต้นใหม่ตามแนวทางที่กำหนด
  • ไวรัสตับอักเสบบี: ถ้าเว้นนานเกิน แนะนำให้ตรวจภูมิ และพิจารณาเริ่มต้นใหม่
  • พิษสุนัขบ้า (ในกรณีถูกสัตว์กัด): ต้องเริ่มต้นใหม่ถ้าไม่ได้ฉีดตามเวลาที่กำหนด

7. ข้อควรระวังอื่น ๆ

  • ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนในช่วงมีไข้สูงหรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนรุนแรง ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดวัคซีนใด ๆ
  • วัคซีนบางชนิด เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือ mRNA อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ปวดแขน มีไข้ อ่อนเพลียชั่วคราว
  • วัคซีนหลายชนิดสามารถฉีดพร้อมกันได้ในวันเดียว แต่ต้องฉีดในตำแหน่งที่ต่างกัน และห้ามนำวัคซีนเดี่ยวมาผสมกันเอง

สรุป

การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่ปลอดภัยและจำเป็นต่อการป้องกันโรคร้ายแรงหลายชนิด แต่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยง ควรได้รับวัคซีนภายใต้คำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ โดยพิจารณาจากอายุ สุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา รวมถึงสถานการณ์พิเศษอื่น ๆ เช่น การตั้งครรภ์ การได้รับเลือด หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง