วัคซีนแอนแทรกซ์ (Anthrax Vaccine)
โรคแอนแทรกซ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งเป็นแบคทีเรียแกรมบวก ทรงแท่งขนาดใหญ่ ลักษณะปลายตัด เรียงตัวคล้ายตู้รถไฟ และมีแคปซูลหุ้ม เชื้อชนิดนี้สามารถสร้างสปอร์ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี โดยสปอร์สามารถมีชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้นานนับสิบปี
แอนแทรกซ์เป็นโรคระบาดในสัตว์ เช่น วัวควาย มนุษย์สามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสสัตว์ป่วยโดยตรง เช่น ผ่านบาดแผล การหายใจเอาสปอร์เข้าสู่ร่างกาย หรือการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อและปรุงไม่สุก
หากติดเชื้อผ่านทางผิวหนัง จะเกิดแผลลักษณะเฉพาะที่เป็นตุ่มหนองมีขอบยกสูง ตรงกลางบุ๋มและเปลี่ยนเป็นสีดำ
หากติดเชื้อผ่านทางการหายใจ จะมีไข้ ไอแห้ง เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และอาจเสียชีวิตภายใน 3–5 วัน ส่วนการติดเชื้อผ่านอาหาร อาจทำให้ปวดท้อง อาเจียน มีไข้ ถ่ายเป็นเลือด และเกิดน้ำในช่องท้องได้ บางรายอาจมีภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วย
หลังเหตุการณ์ 9/11 มีการใช้สปอร์แอนแทรกซ์ในจดหมายเพื่อก่อการร้าย ทำให้วัคซีนแอนแทรกซ์กลายเป็นประเด็นด้านความมั่นคงแห่งชาติ
📖 ประวัติการพัฒนาวัคซีน
วัคซีนแอนแทรกซ์ตัวแรกถูกพัฒนาโดยหลุยส์ ปาสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1881 โดยใช้เชื้อที่ลดความรุนแรงแล้วฉีดให้สัตว์ทดลอง เช่น แพะ แกะ และวัว ต่อมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 สหรัฐอเมริกาได้พัฒนาวัคซีนสำหรับมนุษย์โดยเลือกสายพันธุ์ที่ผลิตโปรตีนป้องกัน (protective antigen) สูง เรียกว่า Anthrax Vaccine Adsorbed (AVA) หรือ BioThrax® ซึ่งได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี ค.ศ. 1970
ความท้าทายในการพัฒนาวัคซีนแอนแทรกซ์คือ ต้องมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้กับผู้ที่มีสุขภาพดี ต้องสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างรวดเร็วหลังสัมผัสโรค เก็บรักษาได้นาน และใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ปัจจุบันวัคซีน AVA ได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพดีขึ้นในหลายประเทศ โดยใช้เชื้อตายจากสายพันธุ์ที่ไม่มีแคปซูล เช่น V770-NP1-R หรือใช้สปอร์มีชีวิตจากสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงต่ำ วัคซีนทั้งหมดใช้อลูมิเนียมเป็นสารเสริมภูมิคุ้มกัน (adjuvant) และสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี แม้จะมีความแตกต่างในด้านจำนวนเข็มและวิธีการฉีด
นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยวัคซีนรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม โดยสร้างโปรตีนจากยีนของ B. anthracis เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันเฉพาะเจาะจง และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงเมื่อเทียบกับ AVA
🏥 การใช้ในประเทศไทย
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์สำหรับมนุษย์ใช้อย่างแพร่หลาย ต่างประเทศใช้เฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ทหาร เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ และผู้ทำงานกับสัตว์ รวมถึงใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะหลังการสัมผัสเชื้อ
💉 วิธีฉีดวัคซีนแต่ละชนิด
- ก่อนสัมผัสโรค
AVA ของประเทศ | วิธีฉีด |
สหรัฐอเมริกา | ฉีดเข้ากล้าม 5 เข็มที่ 0, 4 สัปดาห์ ตามด้วย 6, 12, 18 เดือน และฉีดกระตุ้นทุกปี |
อังกฤษ | ฉีดเข้ากล้าม 4 เข็มที่ 0, 3, 6 สัปดาห์ ตามด้วยเข็มที่ 5 หลังเข็มสาม 6 เดือน และฉีดกระตุ้นทุกปี |
รัสเซีย | ฉีดใต้ผิวหนัง 2 เข็มที่ 0, 3 สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นทุกปี |
จีน | ฉีดใต้ผิวหนัง 2 เข็มที่ 0, และ 6–12 เดือน และฉีดกระตุ้นทุกปี |
หลังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม จะมีภูมิคุ้มกันถึง 95% แต่อยู่ได้เพียง 1–2 ปีในสัตว์ (ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดในคน)
- หลังสัมผัสโรค
ควรฉีดวัคซีนภายใน 10 วันหลังสัมผัสเชื้อ ทางการหายใจ โดยฉีดใต้ผิวหนัง 3 เข็มที่ 0, 2, 4 สัปดาห์ ร่วมกับยาปฏิชีวนะนาน 60 วัน หากสัมผัสโรคอีกในอนาคต แนะนำให้ฉีดครบ 3 เข็มตามเดิม
อย่างไรก็ตาม การให้วัคซีนหลังสัมผัสเชื้ออาจไม่เพียงพอ เนื่องจากภูมิคุ้มกันเกิดช้า ขณะที่โรคแอนแทรกซ์มีระยะฟักตัวสั้นและดำเนินโรคอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะเสมอ
วัคซีนแอนแทรกซ์อยู่ในรูปของเหลว ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2–8°C
❌ ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด?
- ผู้ที่เคยติดเชื้อแอนแทรกซ์ เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรง
- หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่มีไข้สูงหรืออาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน
- ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรง (anaphylaxis) ต่อวัคซีนหรือส่วนประกอบในวัคซีน
⚠️ ผลข้างเคียงที่อาจพบ
- ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด
- มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว หรือปวดศีรษะ
- อาการแพ้รุนแรง (พบได้น้อยมาก)
📌 สรุป
วัคซีนแอนแทรกซ์มีความสำคัญโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่อาจสัมผัสเชื้อจากธรรมชาติหรือการก่อการร้าย วัคซีน AVA ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันสามารถป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีข้อจำกัด เช่น จำนวนเข็มที่ต้องฉีดหลายครั้ง และผลข้างเคียงบางประการ ในอนาคตวัคซีนชนิดใหม่ที่ปลอดภัยกว่าและกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้รวดเร็วกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อรองรับการใช้งานในภาวะฉุกเฉินและให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น
บรรณานุกรม
- "Anthrax vaccine
." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (11 กรกฎาคม 2568).
- อัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์. "วัคซีนป้องกันโรคแอนแทรกซ์." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย. (11 กรกฎาคม 2568).
- "The Anthrax Vaccine: Is It Safe? Does It Work?
." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (11 กรกฎาคม 2568).
- "Information Sheet: Anthrax Vaccines to Humans." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา WHO. (11 กรกฎาคม 2568).
- "Anthrax Vaccine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Migrationpolicy.org. (11 กรกฎาคม 2568).