วัคซีนอีสุกอีใส (VZV Vaccine)
โรคอีสุกอีใสและงูสวัดเกิดจากไวรัสชนิดเดียวกัน คือ Varicella zoster virus (VZV) การติดเชื้อครั้งแรกจะทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส หลังหายแล้ว เชื้อไวรัสจะยังคงแฝงตัวอยู่ในปมประสาท และเมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง เช่น จากการเจ็บป่วย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ เชื้อไวรัสอาจกลับมาก่อโรคอีกครั้งในรูปแบบของงูสวัด โดยอาการจะเกิดตามแนวเส้นประสาทที่เชื้อฟักตัวอยู่
แม้ในคนปกติอัตราการเสียชีวิตจะต่ำ แต่ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้ออาจรุนแรงถึงชีวิต โดยโรคอีสุกอีใสสามารถติดต่อได้จากละอองของน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ รวมถึงน้ำในตุ่มพอง ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 2 วันก่อนผื่นขึ้น จนถึงระยะที่ตุ่มแห้ง
ในปัจจุบัน มีวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัส VZV อยู่ 2 ประเภท คือ วัคซีนป้องกันอีสุกอีใส และวัคซีนป้องกันงูสวัด ถึงแม้จะใช้ป้องกันเชื้อชนิดเดียวกัน แต่ไม่สามารถใช้แทนกันได้
📖 ประวัติการพัฒนาวัคซีนอีสุกอีใส
วัคซีนอีสุกอีใสชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์เริ่มพัฒนาโดยศาสตราจารย์นายแพทย์ Michiaki Takahashi แห่งมหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ. 1974 โดยใช้ไวรัสสายพันธุ์ Oka ที่แยกได้จากตุ่มน้ำของเด็กชายวัย 3 ขวบ วัคซีนนี้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยดี และได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1987 ภายใต้ชื่อ OKAVAX
ต่อมา บริษัท Merck ในสหรัฐอเมริกาได้นำสายพันธุ์ Oka มาพัฒนาต่อ จนได้วัคซีนชื่อ Varivax® ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อเป็นที่ผสมแอนติเจนของเชื้อตาย โดยปรับสูตรเรื่อยมา จนในปี ค.ศ. 1991 จึงได้สูตรที่มีความคงตัวสูง ปัจจุบันมีวัคซีนจากหลายบริษัท เช่น Varilrix® ของ GSK, Varicella-GCC® จากสายพันธุ์ MAV/06 ประเทศเกาหลี รวมถึงวัคซีนรวม MMRV (หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม-อีสุกอีใส)
🏥 การใช้ในประเทศไทย
วัคซีนอีสุกอีใสในไทยยังไม่ได้บรรจุในแผนวัคซีนพื้นฐาน เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง แต่สามารถเลือกฉีดได้เองโดยเฉพาะในเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเป็นโรคนี้ โดยควรตรวจภูมิคุ้มกัน (Varicella IgG) ก่อนฉีด
❌ ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด?
เนื่องจากวัคซีนนี้เป็นวัคซีนเชื้อเป็น จึงมีข้อห้ามใช้ในบางกลุ่ม
- หญิงมีครรภ์
- ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด รังสีรักษา หรือยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น Prednisolone ≥ 20 มก./วัน นานเกิน 2 สัปดาห์)
- ผู้ที่เพิ่งได้รับผลิตภัณฑ์เลือด เพราะอาจมีแอนติบอดีที่รบกวนวัคซีน (ภาพขวามือแสดงระยะเวลาที่ควรรอหลังให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไปแล้ว)
- ผู้มีไข้
- ผู้ที่ใช้ยาแอสไพรินเป็นประจำ (เสี่ยงต่อ Reye syndrome)
- ผู้ที่แพ้เจลาตินหรือ neomycin อย่างรุนแรง
💉 วิธีฉีดวัคซีน
วัคซีนอีสุกอีใสฉีดใต้ผิวหนัง (subcutaneous) จำนวน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
- อายุ 1–12 ปี
ฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 12–18 เดือน และเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 2–2½ ปี หากต้องการฉีดพร้อมวัคซีน MMR สามารถเลือกใช้วัคซีนรวม MMRV ได้
ในเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือเชื้อ HIV อาจพิจารณาฉีดห่างกัน 3 เดือน โดยต้องผ่านเงื่อนไขหลายประการ เช่น โรคสงบ เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในเกณฑ์ งดยาเคมีบำบัด และมี CD4 > 15%
- อายุมากกว่า 13 ปี
ฉีด 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน (ควรตรวจภูมิก่อน หากมีภูมิแล้วไม่ต้องฉีด)
ผู้หญิงที่วางแผนมีบุตรควรฉีดวัคซีนให้ครบอย่างน้อย 1 เดือนก่อนตั้งครรภ์ เพราะหากติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ 8–20 ของการตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงทารกพิการหรือจำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์
วัคซีนอยู่ในรูปผงแห้ง (lyophilized) ต้องผสมน้ำยาละลายก่อนฉีดและใช้ภายใน 30 นาทีหลังผสม เก็บที่อุณหภูมิ 2–8°C ห้ามให้ผงวัคซีนโดนแสง และห้ามแช่แข็งน้ำยาละลาย วัคซีนที่ยังไม่ผสมมีอายุ 2 ปี
การให้วัคซีนหลังสัมผัสเชื้อ (Post exposure)
สำหรับผู้ไม่มีภูมิคุ้มกัน ให้ฉีดวัคซีนภายใน 4 วันหลังสัมผัส และฉีดเข็มที่ 2 อีก 1 เดือนต่อมา หากป่วยระหว่างนั้นให้รักษาด้วย Acyclovir
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรได้รับ VZIG ภายใน 96 ชั่วโมง ถ้าไม่มี VZIG ใช้ IVIG แทน หากเกิน 96 ชั่วโมงให้พิจารณาให้ยา Acyclovir ขนาด 80 mg/kg/day (ไม่เกิน 3200 mg/day) เป็นเวลา 7 วัน
⏏ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น
หลังการฉีดวัคซีน 1 เข็ม เด็กจะสร้างภูมิได้ประมาณ 76–85% และเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 100% หลังฉีดเข็มที่ 2 ป้องกันโรคได้ 70–85% และป้องกันอาการรุนแรงได้มากกว่า 95% ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานถึง 20 ปี หลังฉีดยังอาจป่วยได้เล็กน้อยในอัตรา 1–4% ต่อปี แต่อาการจะไม่รุนแรง
เด็กที่ได้รับวัคซีนมีโอกาสเป็นงูสวัดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม วัคซีนในเด็กไม่สามารถป้องกันงูสวัดในผู้สูงอายุได้
⚠️ ผลข้างเคียงที่อาจพบ
โดยทั่วไป วัคซีนมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงที่พบ ได้แก่:
- ปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด (20%)
- ผื่นบริเวณที่ฉีด (3–5%)
- ไข้สูงกว่า 38°C (10%)
- ตุ่มแดงคล้ายอีสุกอีใส มากกว่า 10 ตุ่ม (1.4%) หรือมากกว่า 100 ตุ่ม (0.1%)
- ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น Anaphylaxis, Stevens-Johnson syndrome, ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ, Guillain-Barré syndrome (พบได้น้อยมาก)
- โรคงูสวัดภายหลังวัคซีนพบได้แต่เกิดน้อยกว่าการติดเชื้อตามธรรมชาติ
วัคซีนรวม MMRV อาจเพิ่มความเสี่ยงไข้และชักจากไข้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี แต่หากฉีดเป็นเข็มที่ 2 ในเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไปไม่พบความแตกต่างจากการฉีดแยก
หากไม่ได้ฉีดวัคซีนพร้อมกับวัคซีนหัด หรือ MMR ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนการสร้างภูมิคุ้มกัน
📌 สรุป
วัคซีนอีสุกอีใสเป็นวัคซีนเชื้อเป็นที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคและลดความรุนแรงของอาการ โดยควรฉีด 2 เข็มตั้งแต่วัยเด็ก ผลข้างเคียงน้อยและสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ดี ในประเทศไทยแม้ยังไม่ได้บรรจุในแผนวัคซีนพื้นฐาน แต่สามารถเลือกฉีดเองได้ วัคซีนยังมีประโยชน์ในการควบคุมการแพร่ระบาด และลดโอกาสเกิดงูสวัดในอนาคต
บรรณานุกรม
- Charlotte Warren-Gash, et al. 2017. "Varicella and herpes zoster vaccine development: lessons learned." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Expert Rev Vaccines. 2017;16(12):1191–1201. (9 พฤษภาคม 2564).
- Michiaki Takahashi, et al. 2008. "Development of Varicella Vaccine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Inf Dis. 2008;197(Suppl 2):S41–S44. (9 พฤษภาคม 2564).
- "What is the history of Chickenpox vaccine use in America and other countries?" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา nvic.org. (9 พฤษภาคม 2564).
- "Varicella vaccine" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia (9 พฤษภาคม 2564).
- "ตำราวัคซีนและการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (21 เมษายน 2564).
- "ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย. (20 เมษายน 2564).