วัคซีนไทฟอยด์ (Typhoid Vaccine)
ไข้ไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อย เกิดจากเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ รูปแท่ง ชื่อ Salmonella typhi ซึ่งอยู่ในกลุ่ม D ของตระกูลแซลโมเนลลา เชื้อนี้มีขา (flagellum) จึงเคลื่อนไหวได้ดี และสามารถสร้างสาร invasin เพื่อพาตัวเองเข้าไปเจริญในเซลล์ ทำให้ยาที่ใช้รักษาต้องสามารถแทรกเข้าสู่เซลล์ได้ดีด้วย บางสายพันธุ์มี Vi antigen ซึ่งทำให้โรครุนแรงขึ้น
โดยทั่วไป S. typhi อาศัยอยู่ในลำไส้เล็กของมนุษย์ (ไม่พบในสัตว์อื่น) และสามารถแพร่เชื้อออกมากับอุจจาระ ซึ่งอาจปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร ผู้ติดเชื้อจำนวนมากจะไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกรดในกระเพาะสามารถฆ่าเชื้อบางส่วนได้ แต่ผู้ที่กินยาลดกรดเป็นประจำจะติดเชื้อง่ายขึ้น หากเกิดอาการรุนแรง จะมีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดท้อง อาเจียน บางรายอาจมีท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด หรือถึงขั้นลำไส้ทะลุ
ปัจจุบัน โรคนี้พบน้อยลงในประเทศที่มีสุขอนามัยดี และสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักยังคงอยู่ที่การวินิจฉัยในระยะเริ่มต้น เพราะมักมีเพียงไข้และอ่อนเพลีย และผลตรวจเลือดยังไม่ชัดเจน วัคซีนจึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้ป่วยเมื่อติดเชื้อ
📖 ประวัติการพัฒนาวัคซีน
ในปี ค.ศ. 1896 Sir Almroth Edward Wright และคณะ ได้พัฒนาวัคซีนไทฟอยด์ชนิดแรกสำเร็จ โดยใช้เชื้อ S. typhi ที่ถูกฆ่าโดยความร้อนและฟีนอล (heat- and phenol-killed whole-cell vaccine) วัคซีนนี้เคยใช้ในกองทัพอังกฤษและอเมริกัน แต่มีผลข้างเคียงสูงถึง 34% (เช่น ไข้และปวดเมื่อย) จึงไม่เหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป การพัฒนาวัคซีนหยุดชะงักไประยะหนึ่ง เนื่องจากการค้นพบยาปฏิชีวนะและสุขาภิบาลที่ดีขึ้น ต่อมาเมื่อพบปัญหาเชื้อดื้อยา วัคซีนไทฟอยด์จึงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
วัคซีนรุ่นที่สองเป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ชนิดรับประทาน (live oral attenuated Salmonella vaccine) พัฒนาในปี ค.ศ. 1983 โดยบริษัท Berna Biotech ใช้สายพันธุ์ Ty21a ซึ่งถูกตัดยีน galE และไม่มี Vi capsular antigen จึงเชื่อว่าปลอดภัย วัคซีนวางจำหน่ายในชื่อ Vivotif® ใช้รับประทานวันเว้นวัน จำนวน 4 แคปซูล มีประสิทธิภาพป้องกันโรค 67-96% และไข้พาราไทฟอยด์ 42-56% ในช่วง 3 ปีแรก ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานประมาณ 5 ปี เหมาะสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป และควรรับประทานขณะท้องว่างเพราะกรดในกระเพาะทำลายเชื้อได้
วัคซีนรุ่นที่สามคือ Vi capsular polysaccharide vaccine (ViCPSV) เป็นวัคซีนชนิดฉีด พัฒนาในปี ค.ศ. 1994 ได้แก่ Typhim®, Typbar® และ Typherix® ฉีดเพียง 1 เข็ม และป้องกันได้ 64-75% ในช่วง 20 เดือนแรก หลังจากนั้นประสิทธิภาพลดลงเหลือ 55% เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 ข้อเสียคือไม่สามารถกระตุ้นภูมิในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และเชื้อบางสายพันธุ์ไม่มี Vi antigen ทำให้วัคซีนไม่ครอบคลุมสายพันธุ์เหล่านั้น
รุ่นที่สี่คือ Typhoid conjugate vaccine (TCV) ใช้ Vi polysaccharide จับกับโปรตีนพาหะ เช่น diphtheria หรือ tetanus toxoid ตัวแรกที่วางจำหน่ายคือ Typbar-TCV® ของบริษัท Bharat Biotech ในปี ค.ศ. 2013 ปัจจุบันมีวัคซีนหลายตัวอยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น Vi-rEPA และ Vi-CRM197 ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นภูมิในเด็กเล็ก
🏥 การใช้ในประเทศไทย
ตั้งแต่เริ่มมีวัคซีนไทฟอยด์ใช้ ประเทศไทยนำเข้ามาใช้แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ค่ายทหาร โรงเรียนในพื้นที่ที่ขาดสุขาภิบาล ผู้ทำงานในห้องแล็บที่เกี่ยวข้องกับเชื้อซัลโมเนลลา และผู้เดินทางไปพื้นที่ระบาด ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนวัคซีนพื้นฐานสำหรับคนทั่วไป แต่ผู้ป่วยที่เป็นไข้ไทฟอยด์ หรือสงสัยว่าอาจเป็นไข้ไทฟอยด์ จะต้องได้รับการรายงานไปยังหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อดำเนินการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป
💉 วิธีใช้วัคซีน
วัคซีน | อายุที่ใช้ | วิธีใช้ | ภูมิเริ่มเกิด / ป้องกันได้ |
Vivotif® | ≥6 ปี | 1 แคปซูล วันเว้นวัน จำนวน 4 แคปซูล กระตุ้นทุก 5 ปี รับประทานขณะท้องว่าง (1 ชั่วโมงก่อนอาหาร หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร) กลืนทั้งแคปซูลด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง (ห้ามเคี้ยวแคปซูล ห้ามใช้น้ำร้อน เพราะจะทำลายเชื้อ)
หากอาเจียนภายใน 1 ชั่วโมง ให้พิจารณารับประทานซ้ำ ไม่ควรใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ (ควรเว้นห่างอย่างน้อย 3 วันหลังหยุดยา) | 7 วัน / 5 ปี |
Typhim®, Typherix ® | ≥2 ปี | ฉีดเข้ากล้าม 1 เข็ม กระตุ้นทุก 3 ปี | 2 สัปดาห์ / 3 ปี |
Typbar-TCV® | 6 เดือน - 45 ปี | ฉีดเข้ากล้าม 1 เข็ม ไม่ต้องกระตุ้น | 2 สัปดาห์ / มากกว่า 5 ปี |
❌ ใครบ้างที่ไม่ควรใช้?
- ผู้มีไข้สูงหรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน
- ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิ (สำหรับชนิดกิน)
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร (สำหรับชนิดกิน)
- ผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหารรุนแรง (สำหรับชนิดกิน)
⚠️ ผลข้างเคียงที่อาจพบ
- ปวดท้อง คลื่นไส้ (โดยเฉพาะวัคซีนชนิดรับประทาน)
- ไข้ต่ำ ปวดศีรษะ
- อาการแพ้ เช่น ผื่นคัน
- ปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด
📌 สรุป
ไข้ไทฟอยด์เป็นโรคติดเชื้อที่แพร่ผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน เชื้อ S. typhi มีความสามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ วัคซีนไทฟอยด์มีหลายชนิด ทั้งแบบกินและแบบฉีด ซึ่งพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและครอบคลุมกลุ่มอายุต่าง ๆ ในประเทศไทยมีการใช้วัคซีนในกลุ่มเสี่ยงเป็นหลัก และแม้โรคนี้จะพบน้อยลง แต่การฉีดวัคซีนยังมีความจำเป็นในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด
บรรณานุกรม
- "Typhoid Fever
." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา historyofvaccines.org. (24 พฤษภาคม 2564).
- "Typhoid fever." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (24 พฤษภาคม 2564).
- "Typhoid vaccine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (25 พฤษภาคม 2564).
- Sandhya A. Marathe, et al. 2012. "Typhoid fever & vaccine development: a partially answered question." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Indian J Med Res. 2012;135(2):161–169. (25 พฤษภาคม 2564).
- Khalid Ali Syed, et al. 2020. "Review on the Recent Advances on Typhoid Vaccine Development and Challenges Ahead." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Clin Inf Dis. 2020;71(Suppl 2):S141–S150. (25 พฤษภาคม 2564).