การคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหาร (GI cancer screening)

มะเร็งทางเดินอาหาร เป็นกลุ่มของโรคมะเร็งที่พบได้ในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ใหญ่ ซึ่งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลกและในประเทศไทย แม้ว่ามะเร็งแต่ละชนิดจะมีลักษณะเฉพาะตัว แต่แนวทางการคัดกรองเพื่อค้นหาความผิดปกติในระยะเริ่มแรกจะมีความคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะการส่องกล้อง (Endoscopy) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ทั้งการวินิจฉัยและตรวจคัดกรอง

มะเร็งทางเดินอาหารพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยมะเร็งกระเพาะอาหารเริ่มพบอายุประมาณ 40 ปี ส่วนมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งหลอดอาหารเริ่มพบอายุประมาณ 45 ปี ทุกชนิดมีแนวโน้มจะพบมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

การรักษาหลักคือการผ่าตัด ร่วมกับเคมีบำบัดหรือยามุ่งเป้า สำหรับมะเร็งหลอดอาหารที่ผ่าตัดไม่ได้อาจใช้รังสีรักษาช่วย ผลการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค หากพบในระยะต้น การพยากรณ์โรคค่อนข้างดี

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งแต่ละชนิด

✿ มะเร็งหลอดอาหาร

  • ภาวะ Barrett’s esophagus
  • โรคกรดไหลย้อนเรื้อรัง (GERD)
  • การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง

✿ มะเร็งกระเพาะอาหาร

  • การติดเชื้อ Helicobacter pylori
  • รับประทานอาหารหมักดอง เค็ม ปิ้ง ย่าง
  • โรคกระเพาะอักเสบเรื้อรัง
  • มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
  • อ้วน สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

✿ มะเร็งลำไส้ใหญ่

  • มีโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังชนิด ulcerative colitis หรือ Crohn’s disease
  • เคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ชนิด adenomatous หรือ hyperplastic polyp หรือเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และได้รับการรักษามาก่อน
  • มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • มีโรคพันธุกรรมเสี่ยงมะเร็งในครอบครัว ได้แก่ familial adenomatous polyposis syndrome (FAP), hereditary non-polyposis colorectal cancer (HNPCC หรือ Lynch syndrome), Peutz-Jeghers syndrome (PJS) หรือ acromegaly เป็นต้น
  • ชอบกินเนื้อแดงหรือเนื้อสัตว์ใหญ่ แบบปิ้ง ย่าง รมควัน และกินผักผลไม้ ธัญพืชน้อย
  • อ้วน สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • เป็นโรคไขมันพอกตับ หรือเบาหวาน

คำแนะนำ: ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงข้างต้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มการตรวจคัดกรองเร็วขึ้น เช่น:

  1. มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่: เริ่มคัดกรองตั้งแต่อายุ 40 ปี หรือก่อนญาติที่ป่วย 10 ปี โดยส่องกล้องทุก 3-5 ปี
  2. ผู้ที่มีพันธุกรรมเสี่ยงมะเร็ง:
    • FAP ที่ Negative genetic test: ทำ Flexible sigmoidoscopy ทุก 10 ปี จนอายุ 40 ปี แล้วเปลี่ยนเป็น Colonoscopy ทุก 5 ปี
    • FAP ที่ Positive genetic test หรือไม่ได้ตรวจ: เริ่มตรวจ Flexible sigmoidoscopy ทุกปี ตั้งแต่อายุ 10-12 ปี จนถึงอายุ 40 ปี หลังจากนั้นตรวจทุก 3-5 ปี ถ้าพบ polyp พิจารณาตัดลำไส้บางส่วน
    • HNPCC หรือ PJS: ทำ Colonoscopy ทุก 2 ปี ตั้งแต่อายุ 20-25 ปี และ ทุกปี เมื่ออายุเกิน 40 ปี
  3. ผู้มีติ่งเนื้อหรือเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่: ทำ FIT ทุกปี และ colonoscopy ทุก 3–5 ปี หรือ CT colonography ทุก 1-2 ปี
  4. ผู้มีโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง: ควรทำ colonoscopy with biopsies ทุก 1-3 ปี (เป็นโรคมา 10 ปี ทำทุก 3 ปี, เป็นโรคมา 20 ปี ทำทุก 2 ปี, เป็นโรคมา 30 ปี ทำทุก 1 ปี)
  5. ผู้ติดเชื้อ H. pylori หรือเป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง: พิจารณาส่องกล้องเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป
  6. ผู้มีภาวะ Barrett’s esophagus: เริ่มส่องกล้องและตรวจชิ้นเนื้อเมื่ออายุ 45 ปีขึ้นไป ถ้าชิ้นเนื้อเป็น low-grade dysplasia ให้ติดตามทุก 6-12 เดือน ถ้าเป็น high-grade dysplasia ให้ติดตามทุก 3 เดือน ถ้าเป็น no dysplasia ก็ตรวจซ้ำทุก 3-5 ปี

อาการในระยะเริ่มแรก

  • มะเร็งหลอดอาหาร: กลืนอาหารก้อนโตลำบาก ขย้อนบ่อย น้ำหนักลด ก้อนมักพบบริเวณหลอดอาหารส่วนกลางถึงปลาย
  • มะเร็งกระเพาะอาหาร: เบื่ออาหาร แน่นท้อง อิ่มง่าย ถ่ายดำ ก้อนมักอยู่บริเวณส่วนปลายของกระเพาะ (antrum)
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่: ท้องผูกเรื้อรังต้องใช้ยาระบายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปวดเกร็งท้องส่วนล่าง ท้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระลีบ มีมูกเลือด โลหิตจาง ท้องอืด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ก้อนมักพบบริเวณซิกมอยด์หรือลำไส้ตรง (rectum)


วิธีคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหาร

การตรวจคัดกรองจะเลือกใช้ตามอายุ ความเสี่ยง และความสะดวกของแต่ละคน

✿ มะเร็งทางเดินอาหารส่วนบน (หลอดอาหารและกระเพาะอาหาร)

  1. Gastroscopy (EGD): ส่องกล้องทางปากเพื่อตรวจหลอดอาหาร กระเพาะ และลำไส้เล็กส่วนต้น พร้อมตัดชิ้นเนื้อได้ทันทีหากพบความผิดปกติ
  2. ตรวจหา H. pylori: อาจใช้การตรวจลมหายใจ (Urea breath test) หรือตรวจจากชิ้นเนื้อ

✿ มะเร็งทางเดินอาหารส่วนล่าง (ลำไส้ใหญ่)

  1. การตรวจทวารหนักโดยแพทย์ (Digital rectal examination): ควรทำในผู้ที่มีอาการข้างต้นทุกราย
  2. ตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (FIT – Fecal Immunochemical Test): ตรวจง่าย ใช้คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ แนะนำทำปีละครั้งในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
  3. Colonoscopy: ตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยกล้องผ่านทางทวาร สามารถตัดติ่งเนื้อหรือชิ้นเนื้อได้ เหมาะกับผู้มีความเสี่ยงสูง หรือผล FIT ผิดปกติ
  4. CT Colonography: ตรวจลำไส้ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถส่องกล้องได้
  5. Stool DNA test: ตรวจยีนกลายพันธุ์ในอุจจาระ เป็นวิธีใหม่ที่ไม่เจ็บ แต่ราคาสูง

** ไม่แนะนำให้ใช้ CEA ในการคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหาร เพราะอาจผิดปกติจากสาเหตุอื่น เช่น การสูบบุหรี่ การติดเชื้อ หรืออาหารเสริม

แนวทางสำหรับผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง

แม้จะไม่มีปัจจัยเสี่ยงเฉพาะเจาะจง ก็ยังควรตรวจคัดกรองเมื่อถึงอายุที่เหมาะสม:

นอกจากนั้นควรลดพฤติกรรมเสี่ยง โดย:

สรุป

การคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหารเป็นขั้นตอนสำคัญในการค้นหาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่สามารถตัดติ่งเนื้อก่อนกลายเป็นมะเร็งได้ การส่องกล้องทั้งส่วนบนและล่างเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แม้ไม่มีความเสี่ยงเฉพาะเจาะจงก็ยังควรเข้ารับการตรวจเมื่อถึงวัย พร้อมเฝ้าระวังสัญญาณผิดปกติจากร่างกายอยู่เสมอ

บรรณานุกรม

  1. "แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง." 2564. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (20 กรกฏาคม 2568).
  2. "การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. (20 กรกฏาคม 2568).
  3. "การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่." 2565. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย. (20 กรกฏาคม 2568).
  4. "Stomach Cancer Screening." 2023. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (20 กรกฏาคม 2568).
  5. Hong-Tao Qu, et al. 2024. "Esophageal cancer screening, early detection and treatment: Current insights and future directions." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา World J Gastrointest Oncol. 2024 Apr 15;16(4):1180–1191. (20 กรกฏาคม 2568).