การคัดกรองมะเร็งปอด (Lung cancer screening)
มะเร็งปอดเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่หรือมีประวัติสัมผัสสารพิษในอากาศ มักพบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป แต่ในบางกรณีอาจพบได้ตั้งแต่อายุ 28 ปี และยังพบในผู้สูงอายุเกิน 80 ปีด้วยเช่นกัน
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระยะและชนิดของมะเร็ง เช่น การผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายแสง หรือการใช้ยามุ่งเป้า (targeted therapy) โดยทั่วไป การพยากรณ์โรคจะดีกว่าหากสามารถตรวจพบในระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะกรณีที่สามารถผ่าตัดก้อนมะเร็งออกได้ทั้งหมด
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปอด
- การสูบบุหรี่ (ทั้งสูบเองและได้รับควันบุหรี่มือสอง)
- การสัมผัสสารพิษจากอาชีพ เช่น แร่ใยหิน (asbestos), เรดอน, หรือสารเคมีอุตสาหกรรม
- การสูดควันจากการเผาถ่านหรือไม้เป็นระยะเวลานาน
- อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM 2.5 สูงเกิน 5 ปี
- เคยได้รับรังสีรักษาบริเวณทรวงอก
- มีโรคปอดอักเสบเรื้อรัง เช่น interstitial lung disease, ถุงลมโป่งพอง (COPD), หรือพังผืดในปอด (pulmonary fibrosis)
- มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเคยได้รับเคมีบำบัดมาก่อน
- มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งปอด
อาการเริ่มแรกของมะเร็งปอด และตำแหน่งที่พบบ่อย
มะเร็งปอดในระยะแรกมักไม่มีอาการ ทำให้ตรวจพบได้ยาก มักพบโดยบังเอิญจากการเอกซเรย์ทรวงอกในผู้ที่ไปตรวจสุขภาพเพื่อสมัครงานหรือศึกษาต่อ จุดเงาเล็ก ๆ ที่พบในปอดแทบทุกตำแหน่งอาจพัฒนาเป็นมะเร็งได้ จึงควรเปรียบเทียบกับภาพเอกซเรย์เก่า หากไม่มีภาพเก่าจะต้องติดตามด้วยการเอกซเรย์ซ้ำภายใน 3–6 เดือน และระบุสิ่งที่ตรวจพบไว้ในใบรับรองแพทย์ ซึ่งอาจมีผลต่อการสมัครงานหรือศึกษาต่อ ทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวลจนกว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่แน่ชัดว่าเป็นเพียง "หินปูน", "แผลเก่า" หรือก้อนที่สงสัยมะเร็งและต้องตรวจต่อ
อาการที่อาจพบได้เมื่อมะเร็งเริ่มมีการลุกลาม ได้แก่:
- ไอเรื้อรัง
- ไอมีเสมหะปนเลือด
- เหนื่อยง่าย
- เจ็บหน้าอก
- เสียงแหบ
- น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
- อาการจากระบบอื่น เช่น ปวดข้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เม็ดเลือดผิดปกติ หลอดเลือดที่ปอดหรือขาอุดตัน ออกผื่น ชา ตามัว ฯลฯ
วิธีคัดกรองมะเร็งปอด
ปัจจุบันมีวิธีคัดกรองมะเร็งปอดหลัก ๆ ดังนี้:
- เอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray): แม้จะใช้กันทั่วไป แต่มีความไวต่ำในการตรวจพบก้อนขนาดเล็ก
- ตรวจเซลล์จากเสมหะ (Sputum cytology): ปัจจุบันใช้ลดลง เนื่องจากความไวต่ำ แต่นำมาใช้ร่วมกับวิธีอื่นในบางกรณี
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความละเอียดต่ำ (Low-dose CT หรือ LDCT): เป็นวิธีที่แนะนำในกลุ่มเสี่ยง ช่วยตรวจพบก้อนขนาดเล็กได้ดีและลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอด
จากการศึกษาพบว่า การคัดกรองด้วยเอกซเรย์ทรวงอกหรือการตรวจเสมหะไม่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดได้ ดังนั้นปัจจุบันจึงแนะนำให้ใช้ Low-dose CT ทุกปี ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่:
- อายุ 55–80 ปี สูบบุหรี่อย่างน้อย 30 pack-years และหยุดสูบมาไม่เกิน 15 ปี
- อายุ 50–80 ปี สูบบุหรี่อย่างน้อย 20 pack-years และมีปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น สัมผัส radon, asbestos, สารก่อมะเร็ง, มีโรคปอดเรื้อรัง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด
แนวทางสำหรับผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง
สำหรับผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างชัดเจน การตรวจ LDCT ยังมีต้นทุนสูงเกินกว่าจะใช้คัดกรองในวงกว้าง จึงแนะนำให้ตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งรวมถึงเอกซเรย์ทรวงอก และควรเฝ้าระวังอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
คำแนะนำทั่วไปสำหรับประชาชน:
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นละอองและสารพิษในอากาศ
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอด เช่น วัคซีนปอดอักเสบหรือไข้หวัดใหญ่
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
สรุป
มะเร็งปอดเป็นโรคที่มักไม่มีอาการในระยะแรก ทำให้การตรวจคัดกรองมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ โดยการตรวจด้วย CT ความละเอียดต่ำ (LDCT) เป็นวิธีที่แนะนำให้ปีละครั้ง ส่วนในกลุ่มที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง การตรวจสุขภาพประจำปี การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และการสังเกตอาการผิดปกติสามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการพบโรคตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งจะส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
บรรณานุกรม
- "การตรวจคัดกรองมะเร็งปอด." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. (21 กรกฏาคม 2568).
- "การตรวจคัดกรองมะเร็งปอด Low-Dose Chest CT Scan." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา โรงพยาบาลเปาโล. (21 กรกฏาคม 2568).
- "Lung Cancer Screening." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Cleveland Clinic. (21 กรกฏาคม 2568).
- Andrew M. D. Wolf, et al. 2023. "Screening for lung cancer: 2023 guideline update from the American Cancer Society." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา American Cancer Society Journals. (21 กรกฏาคม 2568).