การคัดกรองมะเร็งเต้านม (Breast cancer screening)
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงทั่วโลก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 40-70 ปี แต่ก็สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังน้อย (เช่น อายุ 20 ปลาย ๆ) ไปจนถึงวัยสูงอายุเกิน 80 ปีได้เช่นกัน
ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาที่หลากหลาย เช่น การผ่าตัด การให้เคมีบำบัด การฉายรังสี การให้ฮอร์โมน และการใช้ยามุ่งเป้า ซึ่งหากตรวจพบในระยะเริ่มต้น โอกาสรอดชีวิตเกิน 5 ปีจะสูงถึง 90-99% การคัดกรองตั้งแต่ยังไม่มีอาการจึงมีความสำคัญมาก
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเต้านมและช่วงอายุที่ควรเริ่มตรวจ
- มีประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัว (เช่น แม่ พี่สาว หรือน้องสาว)
ควรเริ่มตรวจ ก่อนอายุของญาติที่เป็นมะเร็ง 10 ปี หรือไม่เกินอายุ 40 ปี
- ตรวจพบยีนผิดปกติ เช่น BRCA1, BRCA2
ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง และเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 25 ปี
- มีประวัติป่วยเป็นโรคเต้านมบางชนิด เช่น atypical hyperplasia
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนคัดกรองอย่างใกล้ชิด
- ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนติดต่อกันนานเกิน 5 ปี หรือมีประจำเดือนมานาน (เริ่มก่อนอายุ 12 ปี หรือหมดช้าหลัง 55 ปี)
- ไม่มีบุตร หรือมีบุตรครั้งแรกหลังอายุ 35 ปี
- เคยได้รับรังสีรักษาบริเวณทรวงอก
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่ หรือมีน้ำหนักเกิน
อาการของมะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก
มะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการชัดเจน อาจพบเพียงก้อนแข็งที่ไม่เจ็บ ซึ่งก้อนมะเร็งมักพบได้บ่อยบริเวณ ด้านบนด้านนอกของเต้านม (ใกล้รักแร้) หรือพบในรักแร้ (ต่อมน้ำเหลืองโต)
อาการอื่นที่ควรระวัง เช่น
- หัวนมบอดหรือเปลี่ยนรูปร่าง
- มีน้ำหรือเลือดออกจากหัวนม
- ผิวหนังเต้านมบุ๋มหรือหนาเหมือนเปลือกส้ม
- เต้านมเปลี่ยนขนาดหรือรูปร่างโดยไม่มีสาเหตุ
- มีผื่นรอบหัวนม
สำหรับระยะลุกลาม อาจพบก้อนที่ขนาดใหญ่ แขนบวม ปวดกระดูก หรือมีน้ำหนักลดร่วมด้วย
วิธีคัดกรองมะเร็งเต้านม
มีหลายวิธีที่ใช้ในการตรวจคัดกรอง ดังนี้:
- การคลำเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self-Examination: BSE)
แนะนำให้ตรวจทุกเดือนหลังหมดประจำเดือน โดยคลำหาความผิดปกติหรือก้อนแข็ง ดูวิธีคลำได้ที่นี่
- การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Examination: CBE)
- อายุ 30-39 ปี ควรให้แพทย์ตรวจเต้านม ทุก 3 ปี
- อายุ 40-69 ปี ควรให้แพทย์ตรวจเต้านม ทุกปี
- การทำอัลตราซาวด์และแมมโมแกรม (Breast Ultrasound & Mammogram)
การอัลตราซาวด์เหมาะกับผู้ที่มีเต้านมหนา และมักใช้ร่วมกับแมมโมแกรมเมื่อพบความผิดปกติ
- ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปที่มีปัจจัยเสี่ยง ควรตรวจอัลตราซาวด์และแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปี
- ผู้หญิงอายุ 40-69 ปี แม้ไม่มีปัจจัยเสี่ยง ก็ควรตรวจทุก 1-2 ปี
- การตรวจยีน BRCA1 & BRCA2
เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหลายราย หรือมีญาติเป็นมะเร็งเต้านมพร้อมกันทั้งสองข้าง
- MRI เต้านม
ใช้ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มียีน BRCA ผิดปกติ หรือมีประวัติครอบครัวที่เข้มข้น
ผู้ไม่มีปัจจัยเสี่ยงควรเริ่มตรวจเมื่อใด
แม้จะไม่มีปัจจัยเสี่ยง ก็แนะนำให้เริ่มตรวจตามช่วงอายุดังนี้::
- อายุ 20 ปีขึ้นไป: เริ่มคลำเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน
- อายุ 30 ปีขึ้นไป: ตรวจเต้านมโดยแพทย์ทุก 3 ปี
- อายุ 40 ปีขึ้นไป: ควรตรวจแมมโมแกรมทุก 1-2 ปี
- อายุ 50 ปีขึ้นไป: ตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปี และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และควรรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
สรุป
มะเร็งเต้านมสามารถรักษาให้หายได้หากพบในระยะเริ่มแรก การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญ โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ควรได้รับการปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนคัดกรองที่เหมาะสม
"การรู้เท่าทัน รู้จักดูแลตัวเอง และไม่ละเลยการตรวจประจำปี คือทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดความสูญเสียจากมะเร็งเต้านม"
บรรณานุกรม
- "การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. (18 กรกฏาคม 2568).
- รศ.ดร. นพ. สืบวงศ์ จุฑาภิสิทธิ์. "3 วิธีการตรวจมะเร็งเต้านม." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. (18 กรกฏาคม 2568).