การคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer screening)

ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะขนาดเล็กที่อยู่บริเวณฐานกระเพาะปัสสาวะ และโอบหุ้มท่อปัสสาวะส่วนบนของเพศชาย ทำหน้าที่ผลิตน้ำหล่อเลี้ยงอสุจิ

มะเร็งต่อมลูกหมากพบเฉพาะในชายสูงวัย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 60-70 ปีขึ้นไป แต่ก็เคยมีรายงานว่าพบในชายอายุต่ำกว่า 50 ปี แม้จะไม่บ่อยนัก

หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การรักษามีประสิทธิภาพสูง ผู้ป่วยจำนวนมากมีชีวิตอยู่ได้เกิน 10 ปีขึ้นไป โดยแนวทางรักษาอาจประกอบด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี การใช้ฮอร์โมนบำบัด หรือการเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด (active surveillance) แล้วแต่ระยะของโรคและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก

  • อายุ 50 ปีขึ้นไป (≥80% เป็นหลังอายุ 65 ปี)
  • มีประวัติบิดาหรือพี่น้องเคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • ชาวตะวันตก พบมากกว่าชาวเอเชีย
  • กินอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารจำพวกเนื้อแดงอย่างต่อเนื่อง
  • มีภาวะอักเสบเรื้อรังของต่อมลูกหมาก

ผู้ที่มีประวัติครอบครัวควรเริ่มคัดกรองตั้งแต่อายุ 40-45 ปี ส่วนผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงควรเริ่มคัดกรองเมื่ออายุ 50 ปี

อาการของมะเร็งต่อมลูกหมากระยะเริ่มต้น

มะเร็งต่อมลูกหมากมักดำเนินโรคช้า โดยใช้เวลากว่า 10 ปี กว่าจะพัฒนาเป็นระยะที่มีอาการ ในช่วงแรกอาการอาจเหมือนภาวะต่อมลูกหมากโต และจะค่อย ๆ ชัดเจนมากขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ อาการเริ่มต้นดังนี้:

  • ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
  • ปัสสาวะติดขัดไม่พุ่งเป็นสาย หรือปัสสาวะไหลไม่สุด
  • ปวดหรือแสบขณะปัสสาวะ
  • มีเลือดปนในปัสสาวะหรืออสุจิ
  • ปวดบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก หรือต้นขา

ผู้ที่เริ่มมีอาการข้างต้นควรเข้ารับการคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากทุกปี ก้อนมะเร็งมักเริ่มเกิดที่ขอบด้านนอกของต่อมลูกหมาก ซึ่งสามารถตรวจพบได้ด้วยการคลำทางทวารหนัก (DRE)



วิธีคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก

การตรวจคัดกรองมี 2 วิธีหลัก ได้แก่:

  1. การตรวจทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination - DRE):

    เป็นวิธีที่ง่ายและมีต้นทุนต่ำ แพทย์จะใช้นิ้วมือสอดเข้าทางทวารหนักเพื่อตรวจคลำต่อมลูกหมาก โดยพิจารณาขนาด รูปร่าง พื้นผิว และความยืดหยุ่น หากพบว่ามีลักษณะแข็ง ขรุขระ หรือผิวไม่เรียบ อาจเป็นสัญญาณของมะเร็ง

  2. การตรวจระดับ PSA ในเลือด (Prostate-Specific Antigen):

    เป็นการวัดระดับโปรตีนที่ผลิตจากต่อมลูกหมาก หากระดับสูงอาจบ่งบอกถึงภาวะมะเร็ง หรือปัญหาอื่นของต่อมลูกหมาก เช่น ต่อมโต ติดเชื้อ หรืออักเสบ

  3. การตรวจอัลตราซาวด์ผ่านทางทวารหนัก (Transrectal ultrasound):

    ใช้ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีความผิดปกติ ไม่ได้ใช้ในผู้ป่วยทุกราย

หากระดับ PSA สูงกว่า 4 ng/mL หรือผลการตรวจ DRE พบว่าต่อมลูกหมากแข็งผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

* ชายอายุ 45-80 ปี ที่มีประวัติมะเร็งต่อมลูกหมากในครอบครัว แม้ไม่มีอาการ ควรตรวจ PSA ทุก 2-3 ปี และหากมีอาการควรตรวจทุก 6 เดือนถึง 1 ปี

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง

ชายทั่วไปที่ไม่มีความเสี่ยงควรเริ่มตรวจคัดกรองเมื่ออายุ 50 ปี และตรวจซ้ำทุก 1-2 ปี โดยใช้ทั้งวิธี PSA และ DRE ตามคำแนะนำของแพทย์

แนวทางดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยง:

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช
  • หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัวและเนื้อแดง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพกับแพทย์เป็นประจำทุกปี

สรุป

มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นโดยใช้วิธี PSA และ DRE ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงควรเริ่มคัดกรองเร็วกว่ากลุ่มทั่วไป ส่วนชายทั่วไปควรเริ่มเมื่ออายุ 50 ปี การดูแลสุขภาพและพบแพทย์เป็นประจำยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรค

บรรณานุกรม

  1. "แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (19 กรกฏาคม 2568).
  2. "Guideline of Prostate Cancer ." 2566. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Thai Urological Association. (19 กรกฏาคม 2568).
  3. "วิธีการตรวจคัดกรองเบื้องต้น และการวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมาก." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา thaiprostatecancer.com. (19 กรกฏาคม 2568).
  4. "การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. (19 กรกฏาคม 2568).