ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure)

ภาวะหัวใจล้มเหลว คือ ภาวะแทรกซ้อนที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน (“หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”) ซึ่งมีความรุนแรงและเสี่ยงเสียชีวิตสูง หรือค่อย ๆ พัฒนาเป็นเวลานาน (“หัวใจล้มเหลวเรื้อรัง”) ผู้ที่รอดชีวิตจากภาวะเฉียบพลันมักกลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง ต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมการออกแรง และจัดสมดุลการดื่มน้ำกับการขับปัสสาวะในแต่ละวัน

ภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ใช่โรคโดยตรง แต่เป็นผลจากโรคหัวใจหรือโรคอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ หากเกิดแบบเฉียบพลันจำเป็นต้องหาสาเหตุเพื่อรักษาที่ต้นเหตุ ส่วนกรณีเรื้อรังบ่งชี้ถึงการเสื่อมของอวัยวะสำคัญที่ไม่สามารถฟื้นกลับมาได้เต็มที่

สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว

ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน มักเกิดจาก:

  1. หลอดเลือดหัวใจอุดตัน (พบ ~44%)
  2. หัวใจเต้นผิดจังหวะฉับพลัน (พบ ~20%)
  3. ความผิดปกติของลิ้นหัวใจหรือโครงสร้างหัวใจ (พบ ~18%) โดยหากเป็นแต่กำเนิดมักมีอาการตั้งแต่วัยเด็ก
  4. กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อหรือโรคภูมิคุ้มกัน
  5. พิษสุรา ยาบ้า และสารเสพติดอื่น ๆ
  6. ภาวะไตวายและภาวะน้ำเกิน
  7. ความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤติ (เช่น การหยุดยาลดความดันกะทันหัน)
  8. พิษของยาเคมีบำบัดและยามุ่งเป้าบางชนิด เช่น doxorubicin, trastuzumab

ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง มักสัมพันธ์กับ:

  1. โครงสร้างหัวใจผิดปกติเล็กน้อยตั้งแต่กำเนิด
  2. โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง
  3. ความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน
  4. โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy)
  5. โรคของต่อมไร้ท่อที่ยังไม่ได้รับการรักษา เช่น คอพอกเป็นพิษ โรคคนยักษ์ โรคต่อมหมวกไต
  6. มะเร็งระยะแพร่กระจาย
  7. ภาวะเยื่อหุ้มหัวใจบีบรัด (Constrictive pericarditis)
  8. ภาวะโลหิตจางเรื้อรังหรือขาดสารอาหาร เช่น Thiamine (B1), Selenium
  9. พิษจากแอลกอฮอล์ ยาบ้า โลหะหนัก (ตะกั่ว ทองแดง)
  10. โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular dystrophy)
  11. โรคแทรกซึมของเนื้อเยื่อ (Infiltrative diseases) เช่น Amyloidosis, Sarcoidosis, Hemochromatosis
  12. วัยสูงอายุ
  13. ไม่ทราบสาเหตุ

อาการของหัวใจล้มเหลว

อาการหลักคือ เหนื่อยง่ายและพบหัวใจโตจากเอกซเรย์ หากมีหัวใจโตแต่ไม่มีอาการเหนื่อย หรือมีอาการเหนื่อยแต่หัวใจไม่โตจากเอกซเรย์ มักไม่ใช่ภาวะหัวใจล้มเหลว เว้นแต่เกิดจากภาวะเฉียบพลันหลังกล้ามเนื้อหัวใจตาย

อาการอื่นขึ้นกับห้องหัวใจที่ล้มเหลว:

  • ห้องขวาล้มเหลว: แขนขาบวม ตับโต แน่นท้อง หลอดเลือดดำคอโป่ง
  • ห้องซ้ายล้มเหลว: น้ำท่วมปอด เหนื่อยหรือไอเมื่อเอนนอน ความดันต่ำ หัวใจเต้นเร็วหรือผิดจังหวะ ฟังปอดได้ยินเสียงกรอบแกร็บหรือวี้ด
เอกซเรย์มักพบหัวใจโตและน้ำท่วมปอด



การวินิจฉัยโรค

แพทย์ทั่วไปสามารถวินิจฉัยได้จากอาการ เห็นหัวใจโต/น้ำท่วมปอดในเอกซเรย์ และคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ หากซับซ้อนอาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น natriuretic peptide (BNP, NT-proBNP) หรือคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiography)

อาการระดับ natriuretic peptideการแปลผล
เหนื่อยช้า ๆ เป็นสัปดาห์–เดือนBNP <35 pg/mL หรือ NT-proBNP <125 pg/mLไม่น่าใช่หัวใจล้มเหลว
เหนื่อยมากภายใน ชั่วโมง–วัน BNP <100 pg/mL หรือ NT-proBNP <300 pg/mLไม่น่าใช่หัวใจล้มเหลว
BNP >500 pg/mL หรือ NT-proBNP >450 pg/mL (<50 ปี)
>900 pg/mL (50–75 ปี)
>1,800 pg/mL (>75 ปี)
น่าจะใช่หัวใจล้มเหลว

นอกจากนี้ควรตรวจหาปัจจัยร่วม เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน Atrial fibrillation โรคไต ภาวะอ้วนและหยุดหายใจขณะหลับ หรือโลหิตจาง

การรักษา

การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

ต้องแก้ไขที่สาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตาย (สวนหัวใจและขยายหลอดเลือด), หัวใจเต้นผิดจังหวะ (ให้ยาควบคุมการเต้น), ภาวะน้ำเกิน (ฉีดยาขับปัสสาวะและจำกัดน้ำ) ระหว่างรักษาอาจต้องใช้ยาพยุงความดันหรือยาขยายหลอดเลือดเพื่อพยุงชีวิต เมื่อพ้นภาวะวิกฤติจึงเข้าสู่การฟื้นฟูและควบคุมไม่ให้เกิดซ้ำ

การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง

การรักษามุ่งที่โรคต้นเหตุและการใช้ยาควบคุม เช่น ACEIs, ARBs, Beta-blockers, ยาขับปัสสาวะ, Vasodilators, ARNI, Ivabradine, Digoxin, Coenzyme Q10 ซึ่งต้องใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วย AF ควรได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด และผู้ป่วยควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี



พยากรณ์โรค

พยากรณ์โรคขึ้นอยู่กับสาเหตุและการตอบสนองต่อการรักษา ภาวะเฉียบพลันอาจเสียชีวิตได้หากรักษาไม่ทัน ขณะที่ภาวะเรื้อรังแม้ควบคุมได้ แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและคุณภาพชีวิตลดลง ผู้ป่วยที่มี Ejection fraction ต่ำ มักมีพยากรณ์โรคไม่ดีนัก การติดตามต่อเนื่องและการใช้ยาสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก

การป้องกัน

  • ควบคุมโรคต้นเหตุ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง
  • เลิกบุหรี่และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด
  • ออกกำลังกายพอเหมาะและพักผ่อนเพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อหัวใจ เช่น ลดเค็ม ลดไขมันอิ่มตัว
  • ตรวจสุขภาพและติดตามโรคหัวใจอย่างสม่ำเสมอ

สรุป

ภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ เกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง สาเหตุมีตั้งแต่โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันสูง โรคหัวใจแต่กำเนิด โรคทางเมตาบอลิก และสารพิษต่าง ๆ อาการหลักคือเหนื่อยง่ายและหัวใจโต การวินิจฉัยอาศัยประวัติ ตรวจร่างกาย เอกซเรย์ ตรวจเลือด และการตรวจพิเศษอื่น ๆ การรักษาต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ ร่วมกับการใช้ยาควบคุมและปรับพฤติกรรม การป้องกันเน้นควบคุมปัจจัยเสี่ยงและดูแลสุขภาพหัวใจอย่างต่อเนื่อง แม้โรคนี้จะควบคุมได้แต่ไม่หายขาด จึงต้องอาศัยการติดตามรักษาตลอดชีวิต

บรรณานุกรม

  1. "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart Failure Guideline: Introduction and Diagnosis ." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(2):231-9. (24 กันยายน 2568).
  2. "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart Failure Guideline: Pharmacologic Treatment of Chronic Heart Failure - Part I." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(2):240-4. (24 กันยายน 2568).
  3. "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart Failure Guideline: Pharmacologic Treatment of Chronic Heart Failure - Part II." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MedscapeJ Med Assoc Thai 2019;102(3):368-72. (24 กันยายน 2568).
  4. "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart Failure Guideline: Acute Heart Failure." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(3):373-9. (24 กันยายน 2568).
  5. "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart Failure Guideline: Comorbidity in Heart Failure." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(4):508-12. (24 กันยายน 2568).
  6. "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart Failure Guideline: Atrial Fibrillation in Heart Failure Guidelines." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(4):513-7. (24 กันยายน 2568).