เจ็บอก (Chest pain)

อาการเจ็บอกหรือแน่นหน้าอกเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในผู้คนทุกเพศทุกวัย และมักถูกเชื่อมโยงกับโรคหัวใจโดยเฉพาะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการเจ็บอกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากกล้ามเนื้อ ผนังทรวงอก ปอด ทางเดินอาหาร หรือแม้แต่จากจิตใจก็ได้ บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุของอาการเจ็บอกที่พบบ่อย พร้อมลักษณะเฉพาะของแต่ละโรค เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น และไม่ตื่นตระหนกทุกครั้งที่มีอาการเจ็บอก

สาเหตุของอาการเจ็บอก

แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 5 กลุ่ม คือ

  1. โรคของผนังทรวงอก เช่น กล้ามเนื้อ กระดูกซี่โครง ผิวหนัง และเนื้อเยื่อรอบข้าง (พบบ่อยที่สุด)
  2. โรคของปอดและอวัยวะในทรวงอกอื่น ๆ (ไม่นับรวมหัวใจและหลอดเลือด)
  3. โรคของหัวใจและหลอดเลือด
  4. โรคของทางเดินอาหาร
  5. สาเหตุจากจิตใจหรือกรณีที่ตรวจไม่พบความผิดปกติทางกาย

จะเห็นได้ว่าโรคหัวใจเป็นเพียง 1 ใน 5 ของสาเหตุทั้งหมด และโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดก็เป็นเพียงส่วนย่อยของสาเหตุจากหัวใจเท่านั้น

ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกจากสาเหตุต่าง ๆ

ลักษณะความเจ็บ ปัจจัยกระตุ้น ตำแหน่ง และอาการร่วม สามารถช่วยแยกสาเหตุเบื้องต้นได้ ดังนี้

กลุ่มสาเหตุ ลักษณะอาการเจ็บหน้าอก ตำแหน่งที่เจ็บ อาการร่วมสำคัญ สิ่งที่กระตุ้นหรือบรรเทา
หัวใจ (Cardiac)
เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, กล้ามเนื้อหัวใจตาย
เจ็บแน่นลึกเหมือนของหนักทับ หรือบีบรัด กลางหน้าอก ร้าวไปแขนซ้าย คอ หรือกราม เหงื่อแตก ตัวเย็น คลื่นไส้ หายใจหอบ มักเกิดขณะออกแรงหรือเครียด บรรเทาเมื่อพักหรืออมไนโตรกลีเซอรีน
ปอด (Pulmonary)
เช่น ลิ่มเลือดอุดตันในปอด, เยื่อหุ้มปอดอักเสบ, ภาวะปอดแตก
เจ็บแหลมเหมือนแทง เจ็บมากขึ้นเวลาหายใจเข้า เฉพาะที่ด้านข้างทรวงอก หายใจหอบ เขียว ไอหรือไอมีเลือด เจ็บเพิ่มเมื่อหายใจลึกหรือไอ ไม่บรรเทาด้วยการพัก
ระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal)
เช่น กรดไหลย้อน, กล้ามเนื้อหลอดอาหารหดเกร็ง, แผลในกระเพาะ
แสบร้อนกลางอก คล้ายไฟลวก ใต้ลิ้นปี่หรือกลางหน้าอก เรอเปรี้ยว คลื่นไส้ แน่นท้อง เป็นหลังรับประทานอาหารหรือเอนตัว บรรเทาเมื่อรับยาลดกรด
กล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal)
เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ, ซี่โครงอักเสบ
เจ็บเฉพาะจุด กดแล้วเจ็บชัดเจน เฉพาะบริเวณผนังทรวงอก ไม่มีอาการระบบอื่น เจ็บเพิ่มเมื่อขยับตัวหรือยกแขน บรรเทาเมื่อพัก
จิตใจ (Psychogenic)
เช่น วิตกกังวล, ตื่นตระหนก (Panic attack)
แน่นหรือปวดแปลบ ๆ ไม่มีตำแหน่งแน่นอน กระจายทั่วหน้าอก ใจสั่น เหงื่อออก หายใจเร็ว รู้สึกเหมือนจะขาดอากาศ มักสัมพันธ์กับความเครียดหรืออารมณ์ บรรเทาเมื่อสงบลง


รายละเอียดของแต่ละโรค

โรคของผนังทรวงอก

  1. โรคงูสวัด เริ่มด้วยอาการเจ็บแสบที่ผิวหนังก่อนจะมีตุ่มน้ำใสขึ้นตามมาใน 1–2 วัน เจ็บตรงตำแหน่งชัดเจน ไม่สัมพันธ์กับการหายใจ การเคลื่อนไหว หรือการกินอาหาร
  2. กล้ามเนื้อหรือเอ็นอักเสบจากการใช้งานเกิน พบบ่อยมาก เจ็บเมื่อขยับแขนหรือบิดตัว พักไม่กี่วันอาการมักดีขึ้นเอง
  3. การบาดเจ็บบริเวณทรวงอก เช่น ถูกกระแทกหรือซี่โครงหัก หากไม่กระทบปอดมักหายได้เองภายใน 6 สัปดาห์โดยไม่ต้องเข้าเฝือก
  4. โรคกระดูกซี่โครงอักเสบ มักพบในคนหนุ่มสาว การอักเสบจะเกิดขึ้นมาเองตรงบริเวณรอยต่อของกระดูกอ่อนกับกระดูกอก (หมายเลข 1 ในรูป) หรือรอยต่อของกระดูกอ่อนกับกระดูกซี่โครง (หมายเลข 2 ในรูป) ข้างใดข้างหนึ่ง อาจเป็นพร้อม ๆ กันหลายซี่ ถ้าเอานิ้วกดตรงตำแหน่งนั้นจะเจ็บมาก อาการปวดสามารถทุเลาได้ด้วยยาแก้ปวดลดอักเสบกลุ่ม NSAIDs การอักเสบจะเป็นไม่เกิน 7 วัน ถ้าปวดไม่มากเพียงคอยระวังไม่ให้ถูกกระแทกบริเวณนั้นอาการปวดก็จะค่อย ๆ ทุเลาได้เอง
  5. กลุ่มอาการกดรัดหลอดเลือดและเส้นประสาทบริเวณทางออกช่องอก (Thoracic outlet syndrome, TOS) คือ ช่องที่อยู่ระหว่างกระดูกไหปลาร้ากับกระดูกซี่โครงซี่ที่ 1 (ตรงที่ลูกศรชี้ในรูปข้างบน) ทั้งซ้ายและขวา เป็นทางผ่านของเครือข่ายประสาทและหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงแขนส่วนล่าง เวลาที่เรายกแขนขึ้นช่องนี้จะตีบแคบลง หากช่องนี้มีพังผืดหรือแคบอยู่แล้วตั้งแต่เกิด เมื่อเราทำกิจกรรมที่ต้องกางแขน ยกแขนอยู่บ่อย ๆ เส้นเลือดและเส้นประสาทที่ผ่านช่องนี้ก็จะถูกกด นานเข้าจะเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อไหล่และอก (ถ้าเป็นมากแขนข้างนั้นจะอ่อนแรงด้วย) โรคนี้รักษาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัด ถ้าไม่ดีขึ้นก็ผ่าตัดเลาะพังผืดหรือเอาซี่โครงซี่แรกออก
  6. ข้อไหล่อักเสบ ปวดเริ่มจากข้อไหล่แล้วลามมาที่กล้ามเนื้ออก ปวดมากเมื่อขยับไหล่หรือแขนข้างนั้น
  7. โรคของกระดูกสันหลังส่วนคอหรืออก ปวดบริเวณหลัง เจ็บเวลาก้มหรือหันคอ อาจมีอาการชาตามเส้นประสาทด้วย

โรคของปอดและเมดิแอสตินั่ม

  1. หลอดลมอักเสบ เจ็บอกจากการไอมาก มักปวดบริเวณสีข้างเหนือเอว
  2. ปอดบวม เจ็บอกข้างเดียวขณะหายใจ ร่วมกับมีไข้ ไอ และหอบเหนื่อย
  3. ฝีในปอด อาการคล้ายปอดบวมแต่เรื้อรัง เสมหะเป็นหนองหรือมีเลือดปน
  4. วัณโรคปอด เจ็บอกไม่มาก ไอเรื้อรัง ผอม เหนื่อยง่าย มักเป็นในผู้มีโรคประจำตัว
  5. ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด พบในวัณโรคเยื่อหุ้มปอด, มะเร็ง, ไตวาย, ตับแข็ง, หัวใจล้มเหลว, หรือภาวะโปรตีนในเลือดต่ำ ทำให้แน่นอก หายใจลำบาก ถ้ามีการติดเชื้อจะเจ็บอกคล้ายปอดบวม
  6. ภาวะปอดแตก (Pneumothorax) เวลาที่เราไอมากและรุนแรง ถุงลมในปอดอาจแตกได้ เวลาปอดแตกจะเจ็บอกแปล๊บขึ้นมาทันที จากนั้นจะเริ่มรู้สึกหายใจไม่อิ่มและเจ็บอกข้างที่มีปอดแตกนั้นทุกครั้งที่หายใจเข้า อาการจะคล้ายกับปอดอักเสบเพียงแต่ไม่มีไข้เท่านั้น ภาวะปอดแตกมักพบในคนผอมสูง
  7. มะเร็งปอด ช่วงแรกมักไม่มีอาการ เจ็บอกเกิดเมื่อโรคลุกลาม
  8. โรคในเมดิแอสตินั่ม เช่น การอักเสบ (mediastinitis) การมีลมขัง (pneumomediastinum) หรือเนื้องอก อาการมักเจ็บกลางอกต่อเนื่อง แน่นอกมากขึ้นเรื่อย ๆ


โรคหัวใจและหลอดเลือด

  1. โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial ischemia) พบบ่อยในผู้สูงอายุหรือผู้มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง อาการปวดแน่นกลางอกเหมือนถูกบีบรัด ร้าวไปคอ กราม หรือแขนซ้าย มักเกิดตอนกำลังเดินหรือออกแรง หากนั่งพัก 5 นาทีแล้วไม่หาย แต่ยิ่งรู้สึกเหงื่อแตก ใจเต้นเร็ว หายใจไม่สะดวก ต้องรีบไปโรงพยาบาลภายใน 20 นาที หากนั่งพักแล้วดีขึ้นแต่พอเริ่มออกแรงก็จะเป็นอีก บางทีมีอาการเป็นซ้ำวันละหลายครั้ง ก็ควรหาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาล
  2. เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis) เจ็บอกเสียดแทงตลอดเวลา เจ็บมากขึ้นเมื่อหายใจหรือนอนราบ แต่นั่งเอนตัวไปข้างหน้าจะดีขึ้น ส่วนใหญ่หายได้เองภายในไม่กี่วัน
  3. โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาโดยไม่ทราบสาเหตุ (Hypertrophic cardiomyopathy) โรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ผนังหัวใจหนาผิดปกติ พบในเพศชายมากกว่า อาจเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันระหว่างออกกำลังกาย เด็กหรือคนหนุ่มที่เป็นลมขณะออกแรงควรตรวจโรคนี้
  4. ลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic stenosis) ทำให้เลือดออกจากหัวใจได้ยาก เจ็บอกขณะออกแรงคล้ายกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่ตรวจร่างกายจะฟังได้เสียงฟู่ที่อกส่วนบน รักษาโดยผ่าตัดเปลี่ยนหรือซ่อมลิ้นหัวใจ
  5. ลิ้นหัวใจไมตรัลโผล่แลบ (Mitral valve prolapse) มักไม่มีอาการรุนแรง อาจรู้สึกเจ็บอกเป็นช่วง ๆ หรือใจสั่น เหนื่อยง่าย ตรวจพบโดยคลื่นเสียงหัวใจ
  6. หลอดเลือดปอดอุดตันจากลิ่มเลือด (Pulmonary embolism) มักพบในผู้ป่วยที่นอนนาน ๆ หรือมีประวัติหลอดเลือดที่ขาอุดตันมาก่อน อาการเหนื่อยหอบขึ้นมาฉับพลัน หายใจเร็ว เหงื่อออก เจ็บอก อาจไอเป็นเลือดหรือหมดสติ เป็นภาวะฉุกเฉิน
  7. ความดันหลอดเลือดปอดสูง (Pulmonary hypertension) เป็นผลจากโรคปอดเรื้อรังหรือสูบบุหรี่จัด เหนื่อยง่าย มือเท้าเขียว ต้องใช้ออกซิเจนตลอด
  8. หลอดเลือดแดงเอออร์ตาแตกเซาะ (Aortic dissection) พบได้น้อย มักเกิดในผู้สูงอายุที่มีความดันโลหิตสูงมานาน ทำให้ผนังหลอดเลือดนี้เปราะ เกิดการฉีกขาดที่ผนังชั้นใน แรงดันเลือดจะช่วยเซาะให้รอยแตกนี้กว้างขึ้นจนผนังชั้นในแยกจากผนังชั้นกลาง ผนังชั้นในนี้จะกลายเป็นแผ่นปิดทางเดินของเลือดปกติ ผู้ป่วยจะเจ็บอกเฉียบพลันรุนแรง ช็อกและเสียชีวิตได้รวดเร็ว

โรคของทางเดินอาหาร

  1. โรคกรดไหลย้อน (GERD) แสบร้อนกลางอก น้ำเปรี้ยวหรือขมไหลขึ้นคอ มักเป็นหลังอาหารหรือนอนราบ อาการดีขึ้นเมื่อยืดตัวหรือนั่ง
  2. โรคของหลอดอาหาร เช่น หลอดอาหารบีบเกร็ง ฉีกขาด หรือมะเร็ง ทำให้กลืนลำบาก เจ็บแสบหลังอก โดยเฉพาะหลังอาเจียนมาก
  3. แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) ปวดแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ สัมพันธ์กับมื้ออาหาร ไม่มีอาการเหนื่อยหรือใจสั่น
  4. ถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) ปวดชายโครงขวา ร้าวไปสะบัก มักเกิดหลังอาหารมัน พบบ่อยในหญิงท้วมวัยกลางคน
  5. ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) ปวดลิ้นปี่ร้าวไปหลัง ท้องอืด อาเจียนมาก มักเกิดในผู้ดื่มสุรามาก


โรคทางจิตใจและไม่ทราบสาเหตุ

พบได้บ่อยในหญิงสาว เช่น ภาวะหายใจเกิน (Hyperventilation) ซึ่งทำให้หายใจลึกและถี่ มือชา เจ็บหน้าอก หรืออาการเจ็บแปล๊บ ๆ เป็นวินาทีแล้วหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้ดูน่ากังวลแต่ส่วนใหญ่ไม่อันตราย หากตรวจแล้วไม่พบสัญญาณของโรคอื่น ๆ ดังนี้

  • กดกระดูกอกหรือซี่โครงไม่เจ็บ ก้มเงยหรือหันคอไม่เจ็บ (ตัดโรคของผนังทรวงอก)
  • หายใจเข้าออกได้สะดวก ไม่ไอหรือเจ็บ (ตัดโรคของปอด)
  • อาการไม่สัมพันธ์กับอาหารหรือการอาเจียน (ตัดโรคทางเดินอาหาร)
  • อายุ 15–35 ปี ออกแรงได้ปกติ ไม่เป็นลม ไม่มีประวัติครอบครัวหัวใจร้ายแรง (ผู้ชาย < 40 ปี, ผู้หญิง < 50 ปี) และเคยตรวจคลื่นหัวใจปกติ

โดยทั่วไปแพทย์เชื่อว่าอาการบางอย่างมีจุดเริ่มต้นจากจิตใจ หากจิตใจผ่อนคลาย ร่างกายก็สามารถฟื้นฟูความผิดปกติเล็กน้อยได้เอง แต่หากความเครียดสะสมจนกลายเป็นภาระ อาการทางร่างกายก็อาจปรากฏขึ้นตามมาในที่สุด

สรุป

อาการเจ็บอกไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นโรคหัวใจเสมอไป เพราะสาเหตุที่แท้จริงมีได้หลายระบบ ทั้งจากกล้ามเนื้อ ปอด ทางเดินอาหาร หรือแม้แต่จิตใจก็เป็นได้ การสังเกตลักษณะของอาการและปัจจัยร่วม เช่น อายุ โรคประจำตัว และลักษณะการเจ็บ จะช่วยให้ประเมินเบื้องต้นได้ว่าอันตรายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากอาการเจ็บอกเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน รุนแรง หรือไม่หายเมื่อพัก ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยไม่รอช้า เพราะบางสาเหตุอาจเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที