ความผิดปกติทางคลินิก
ความผิดปกติทางร่างกายที่ได้รับการศึกษาในด้านสาเหตุ การดำเนินของโรค และแนวทางการรักษา ทางการแพทย์เรียกรวมว่า “ความผิดปกติทางคลินิก” ความผิดปกติเหล่านี้สามารถจำแนกได้หลายลักษณะ เช่น
- จำแนกตามช่วงเวลาการเกิด ได้แก่ ความผิดปกติแต่กำเนิด และความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายหลัง
- จำแนกตามระบบของร่างกาย เช่น ระบบประสาท ระบบเลือด ระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น
- จำแนกตามลักษณะทางพยาธิสภาพ ได้แก่ ความผิดปกติทางโครงสร้างหรือทางกาย เช่น การอักเสบ การตีบตัน เนื้องอก และความผิดปกติทางการทำงาน ซึ่งเมื่อตรวจร่างกาย เอกซเรย์ หรือชิ้นเนื้อแล้วให้ผลปกติ ทั้งนี้บางคนจัดความผิดปกติกลุ่มนี้ว่าเกิดจากปัจจัยทางจิตใจ
- จำแนกตามลักษณะผู้ตรวจพบ ได้แก่ อาการ อาการแสดง และผลตรวจ
นิยามศัพท์
อาการ (symptom) หมายถึง ความผิดปกติที่ผู้ป่วยหรือผู้ใกล้ชิดรู้สึกหรือตรวจพบ อาจเป็นความรู้สึกปวด คัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร แสบอก ฯลฯ ที่ผู้ป่วยรู้สึกได้คนเดียว หรือเป็นอาการไอ อาเจียน บวม ตาแดง ตาเหลือง เดินเซ ฯลฯ ที่คนอื่น ๆ ก็สามารถมองเห็นได้ หรืออาจเป็นอาการที่ตัวผู้ป่วยเองไม่รู้สึกผิดปกติ แต่ผู้ใกล้ชิดรู้สึก เช่น นอนกรน สับสน พฤติกรรมเปลี่ยน เป็นต้น
อาการแสดง (sign) หมายถึง ความผิดปกติที่แพทย์หรือบุคลากรทางคลินิกตรวจพบ เช่น มีไข้ (ที่วัดอุณหภูมิร่างกายได้สูงกว่า 37.8ºC หรือ 100ºF) ความดันโลหิตสูง ตับม้ามโต เสียงกรอบแกร็บในปอด หรือเป็นลักษณะการตอบสนองของร่างกายที่บ่งชี้ถึงพยาธิสภาพเมื่อใช้วิธีตรวจแบบเฉพาะต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์หรือประเมินอาการที่ผู้ป่วยเล่าให้ฟัง เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวาแล้วแพทย์ตรวจพบ Murphy's sign ซึ่งแสดงถึงพยาธิสภาพที่ถุงน้ำดี หรือผู้ป่วยที่ถูกส่งมาด้วยอาการหมดสติแล้วแพทย์ประเมินการตอบสนองของรีเฟล็กซ์ต่าง ๆ เพื่อดูระดับความลึกของการหมดสติ เป็นต้น
ผลตรวจ (test) หมายถึง ความผิดไปจากค่าปกติขององค์ประกอบภายในร่างกายที่แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการตรวจพบ เช่น ผลตรวจเลือด ปัสสาวะ น้ำไขข้อ ผลเพาะเชื้อจากเสมหะหรืออุจจาระ ผลตรวจรังสีวิทยา พยาธิวิทยา คลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือผลการส่องกล้อง เป็นต้น แม้การตรวจเหล่านี้จะไม่ลำเอียงไปตามคำบอกเล่าหรือการประเมินของผู้ตรวจ แต่การแปลผลจำเป็นต้องอิงกับอาการและอาการแสดงเสมอ เนื่องจากค่าปกติเป็นเพียงค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป ผู้ที่มีค่าผลตรวจเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจไม่จำเป็นต้องมีโรค เช่นเดียวกับคนที่มีรูปร่างสูงหรือต่ำกว่าเกณฑ์ก็ไม่ได้หมายความว่าผิดปกติทุกคน ทั้งนี้การตรวจทุกชนิดมีขั้นตอนที่ต้องระมัดระวังตั้งแต่การเตรียมตัว เก็บตัวอย่าง ขนส่ง การตั้งศูนย์ การวัดค่า และการตรวจสอบผล การละเลยขั้นตอนเหล่านี้อาจทำให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้
ทั้งอาการ อาการแสดง และผลตรวจ อาจมีการเรียกทับซ้อนกันทางคลินิกได้ เนื่องจากบางกรณี เช่น ความดันโลหิต ชีพจร อุณหภูมิร่างกาย หรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ผู้ป่วยสามารถตรวจเองได้ด้วยอุปกรณ์พกพา และเมื่อผู้ป่วยถือผลตรวจที่ผิดปกติไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะกลายเป็น “อาการ” ที่นำมาพบแพทย์ท่านนั้น ดังนั้นโดยภาพรวมจึงอาจเรียกทั้งหมดนี้รวมว่าเป็น “ความผิดปกติทางคลินิก”
อย่างไรก็ตาม ความผิดปกติทางคลินิกไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นโรคเสมอไป หลายกรณีเกิดขึ้นแล้วหายได้เองโดยไม่มีพยาธิสภาพ เพราะร่างกายมีระบบป้องกันและฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ อีกทั้งจิตใจของมนุษย์ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของร่างกายทั้งหมด
ความผิดปกติทางคลินิกที่พัฒนาเป็นโรคแล้ว อาจไม่ได้เกิดจากระบบที่แสดงอาการโดยตรงเสมอไป เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียนซึ่งดูเหมือนเป็นโรคทางเดินอาหาร แต่อาจเกิดจากเนื้องอกในสมองที่กดการทำงานของศูนย์อาเจียนในระบบประสาทก็ได้ ดังนั้นในหมวดนี้จึงไม่ได้จำแนกอาการตามระบบ แต่เรียงตามลำดับอักษรเพื่อความสะดวกในการค้นหาแทน