ตับโต (Hepatomegaly)

ตับเป็นอวัยวะขนาดใหญ่ วางตัวอยู่ใต้กระบังลมข้างขวา กินเนื้อที่มาถึงกลางลิ้นปี่และกระบังลมข้างซ้าย เมื่อวัดจากเส้นที่ลากตรงลงมาจากหัวนมโดยปกติจะมีขนาด 8 ± 2 ซม. ในผู้หญิง และ 10 ± 2 ซม. ในผู้ชาย ขอบล่างของตับจะอยู่ประมาณกระดูกซี่โครงซี่สุดท้ายทางขวาพอดี ดังนั้นตับจะซ่อนตัวอย่างดีอยู่หลังกระดูกซี่โครงของเรา และปกติจะคลำไม่ได้

คำว่า "ตับโต" ไม่มีนิยามขนาดว่าต้องโตกว่าเท่าใดแน่นอน แต่โดยปกติถ้าแพทย์คลำตับได้ชัด หรือวัดขนาดด้วยอัลตราซาวด์หรือซีทีแล้วมีขนาดโตกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรในพื้นที่นั้นจะถือว่ามีตับโต

ตับที่โตขึ้นอย่างช้า ๆ มักไม่แสดงอาการในตอนแรก ต่อเมื่อโตขึ้นมากจึงจะมีอาการจุกแน่น ผิดกับตับที่โตขึ้นอย่างรวดเร็วจะแสดงอาการคล้ายปวดท้อง/แน่นท้องด้านบน เนื่องจากตับทำหน้าที่ผลิตน้ำดีและผลิตสารที่ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด พยาธิสภาพที่ตับจึงมักมีอาการตาเหลือง (ดีซ่าน) และอาการเลือดออกง่ายร่วมด้วย นอกจากนั้นอาจมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ มีจ้ำเลือดตามผิวหนัง คันตามตัว ขาบวม เหนื่อยหอบ ถ่ายเป็นเลือดหรืออาเจียนเป็นเลือดด้วย

สาเหตุของตับโต

ตับที่โตขึ้นอาจเป็นอาการแสดงของพยาธิสภาพที่ระบบอื่น ๆ เช่นเดียวกับที่โรคตับเอง พยาธิสภาพที่ทำให้มีตับโตได้แก่

1. ภาวะที่เลือดดำจากตับไหลกลับเข้าหัวใจไม่สะดวก

เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว, ภาวะเส้นเลือดดำอุดตันหรือถูกกดทับจากเนื้องอก, ภาวะเยื่อหุ้มหัวใจบีบรัดหัวใจ (constrictive pericarditis) ทำให้รับเลือดเข้าและฉีดเลือดออกต่อไปไม่ได้ พยาธิสภาพเหล่านี้ทำให้ตับบวมน้ำ ผู้ป่วยมักมีอาการบวมตามที่อื่น ๆ ให้เห็นด้วย

2. ภาวะที่มีการอุดตันของทางเดินน้ำดี

เช่น จากนิ่ว เนื้องอก หรือตับอ่อนอักเสบจนบวมมากดทางออกของท่อน้ำดี พยาธิสภาพเหล่านี้ทำให้ตับบวมจากน้ำดีคั่ง ผู้ป่วยมักมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองร่วมด้วย

3. โรคที่ตัวตับเอง

  • การติดเชื้อ: ไวรัสตับอักเสบ อมีบา วัณโรค มาลาเรีย ฝีที่ตับ
  • ตับอักเสบ: จากยา สารพิษ แอลกอฮอล์ ภาวะแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง
  • ก้อนที่ตับ: ถุงน้ำ เนื้องอก มะเร็งที่อื่นกระจายมาที่ตับ
  • อื่น ๆ: โรคตับแข็ง ภาวะไขมันพอกตับ

4. โรคของระบบเลือดและน้ำเหลือง

เช่น ภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงแตกง่าย (โรคธาลัสซีเมีย, Hemolytic anemia, โรคเลือดทางพันธุกรรมอื่น ๆ), มะเร็งเม็ดเลือดขาว, Lymphoma, Myeloma โรคเหล่านี้มักมีม้ามโตด้วย

5. โรคอื่น ๆ ที่ทำให้มีการสะสมสารผิดปกติที่ตับ

เช่น Hemochromatosis, Wilson's disease, Amyloidosis, Sarcoidosis, Glycogen storage diseases, Gaucher’s disease, Niemann Pick disease

แนวทางการวินิจฉัย

ผู้ป่วยทุกรายที่แพทย์คลำพบตับโตจำเป็นต้องได้รับการตรวจเลือดและทำอัลตราซาวด์หรือซีทีเพื่อดูพยาธิสภาพที่ตับ ผลเลือด CBC จะบอกความเป็นไปของระบบเลือดและน้ำเหลือง ผลเลือด LFT จะบอกถึงการทำงานของตับ ความรุนแรง และปริมาณของน้ำดีที่คั่งในเลือด

ประวัติโรคประจำตัว การดื่มสุรา การสัมผัสสารพิษ อาการหลักที่มาพบแพทย์ และอาการแสดงอื่น ๆ ที่ตรวจพบจะช่วยในการวินิจฉัย สุดท้ายอาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อของตับหากสงสัยเนื้องอกหรือโรคที่มีการสะสมสารผิดปกติที่ตับ

การป้องกัน

ตับโต อักเสบ และเสื่อมการทำงาน เป็นภาวะที่พบบ่อยมากในผู้ที่ติดสุรา และความเสื่อมนี้อาจไปต่อจนถึงขั้นเป็นตับแข็ง ซึ่งเป็นระยะที่คืนกลับไม่ได้แล้ว การป้องกันภาวะนี้อย่างง่าย ๆ คือการระวังปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้ามาในร่างกาย

ภาวะตับโตยังอาจพบในผู้ที่ทานอาหารไขมันมากเกินไปจนอ้วนและมีไขมันสะสมตามร่างกาย พบว่าภาวะนี้จะนำไปสู่การอักเสบ บวม เป็นพังผืดของเซลล์ตับ และกลายเป็นโรคตับแข็งได้ในที่สุด ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม เนย กะทิ อาหารทะเล ไข่แดง, ไม่รับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมากเกินไป, และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันภาวะนี้ได้ส่วนหนึ่ง