ไอในทารก (Infant cough)
อาการไอในทารกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเวชปฏิบัติด้านกุมารเวชศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงวัยแรกเกิดถึงอายุ 1 ปี การไออาจเป็นกลไกป้องกันตามธรรมชาติของร่างกายเพื่อขับเสมหะ สิ่งระคายเคือง หรือเชื้อโรคออกจากทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม ในทารกซึ่งมีทางเดินหายใจแคบและระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์ อาการไออาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการประเมินอย่างเหมาะสม
สาเหตุของอาการไอในทารก
-
การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน
เช่น หวัด (Common cold) เกิดจากไวรัส อาจมีน้ำมูก คัดจมูก จาม และไอเล็กน้อย
-
หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis)
พบบ่อยในทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี มักเกิดจาก RSV มีอาการไอ หายใจเร็ว หายใจมีเสียงหวีด
-
ปอดบวม (Pneumonia)
อาจเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ร่วมกับไข้สูง ซึม หายใจลำบาก
-
กรดไหลย้อนในทารก (Gastroesophageal reflux)
กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาระคายเคืองทางเดินหายใจ ทำให้ไอเรื้อรังหรือไอหลังให้นม
-
สิ่งแปลกปลอมอุดกั้นทางเดินหายใจ
อาจมีอาการไอเฉียบพลัน ไอรุนแรง หรือหายใจลำบากทันที
-
ภูมิแพ้หรือการระคายเคือง
เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ กลิ่นฉุน ทำให้เกิดการไอเรื้อรัง
-
ไอกรน (Pertussis)
พบได้ในทารกที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ ไอเป็นชุดยาว อาจเขียวหรือหยุดหายใจ
จุดที่ควรพบทันทีแพทย์
- ไอร่วมกับหายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือหายใจมีเสียงดัง
- มีอาการเขียวบริเวณริมฝีปากหรือใบหน้า
- ทารกดูดนมได้น้อยลงหรือไม่ดูดนม
- มีไข้สูง หรือไข้ในทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือน
- ไอรุนแรงเป็นชุด หรือไอจนหยุดหายใจ
- สงสัยสำลักสิ่งแปลกปลอม
- อาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงภายใน 2–3 วัน
แนวทางการวินิจฉัย
การวินิจฉัยอาการไอในทารกเริ่มจากการซักประวัติอย่างละเอียด
เช่น ระยะเวลาที่ไอ ลักษณะของไอ การมีไข้ การดูดนม และประวัติการสัมผัสผู้ป่วย
ร่วมกับการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ
ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่
- เอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray)
- การตรวจหาเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
- การตรวจออกซิเจนในเลือด (Pulse oximetry)
แนวทางการรักษา
การรักษาตามสาเหตุ
- การติดเชื้อไวรัส: ให้การรักษาประคับประคองเป็นหลัก
- การติดเชื้อแบคทีเรีย: ให้ยาปฏิชีวนะตามดุลยพินิจของแพทย์
- หลอดลมฝอยอักเสบ: ดูแลทางเดินหายใจ ให้สารน้ำ และออกซิเจนหากจำเป็น
- กรดไหลย้อน: ปรับท่าการให้นม และพิจารณาการรักษาเฉพาะราย
วิธีบรรเทาอาการที่บ้าน
- ให้นมบ่อยครั้งในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- ดูดน้ำมูกด้วยลูกยางหรือเครื่องดูดน้ำมูกก่อนให้นม
- จัดท่านอนให้ศีรษะสูงเล็กน้อย (ตามความเหมาะสมและปลอดภัย)
- ดูแลอากาศให้ชื้นพอเหมาะ หลีกเลี่ยงอากาศแห้ง
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ฝุ่น และสิ่งระคายเคือง
หมายเหตุ: ไม่ควรให้ยาน้ำแก้ไอในทารกโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
สรุป
อาการไอในทารกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การติดเชื้อทางเดินหายใจทั่วไป ไปจนถึงภาวะที่รุนแรงและต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด การรู้จักสัญญาณอันตราย และการพบทันทีแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย เป็นหัวใจสำคัญในการดูแลทารกให้ปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดี