| 1. McBurney’s point tenderness |
Dr. Charles McBurney ศัลยแพทย์ชาวอเมริกัน รายงานในวารสารการแพทย์ปี ค.ศ. 1889 ยุคก่อนที่จะมีการพัฒนาของการตรวจทางภาพถ่ายทางการแพทย์ ถือเป็นตำแหน่งคลาสสิกของไส้ติ่ง
|
จุดที่กดแล้วเจ็บที่สุดจะอยู่ตรงจุด หนึ่งในสาม ของเส้นที่ลากจากปุ่มกระดูก anterior superior iliac spine ไปยังสะดือ (เลข 1 ตามรูปข้างบน)
|
ความไวค่อนข้างสูง
แต่หากไส้ติ่งอยู่ตำแหน่งที่ผิดปกติอาจทำให้ไม่เจ็บตำแหน่งนี้
|
| 2. Aaron’s sign |
ค้นพบโดย Dr. Charles D. Aaron ชาวอเมริกัน ในต้นศตวรรษที่ 20
จากการสังเกตอาการปวดร้าวขึ้นอก หลังกดตรวจท้องน้อยขวา
|
กดที่ McBurney’s point สักครู่แล้วปล่อยแรงกด รอสัก 1–2 นาที จะเกิดอาการปวดร้าวไปลิ้นปี่หรือหน้าอก จากการส่งสัญญาณประสาทแบบ referred pain
|
ความถูกต้องต่ำ–ปานกลาง
มักพบในผู้ป่วยที่มีการระคายเคืองของเยื่อบุช่องท้อง
อาจผิดพลาดในผู้ที่มีโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน
|
| 3. Rovsing’s sign |
ตั้งชื่อตาม Niels Thorkild Rovsing ศัลยแพทย์ชาวเดนมาร์ก
|
กดท้องด้านซ้ายล่างแล้วเกิดอาการปวดที่ท้องน้อยขวา
ถือว่าเป็นผลบวก
|
มีความจำเพาะค่อนข้างดี
พบได้บ่อยในไส้ติ่งอักเสบระยะมีเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
อาจไม่ชัดในเด็กหรือผู้สูงอายุ
|
| 4. Psoas sign |
อธิบายโดย Dr. John Benjamin Murphy ศัลยแพทย์ชาวอเมริกัน
|
มี 2 วิธี
1. ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย
แพทย์จับขาขวาของผู้ป่วย
ค่อย ๆ เหยียดสะโพกขวาไปด้านหลัง (extension of right hip)
2. ให้ผู้ป่วยนอนหงาย
แพทย์ให้ผู้ป่วยยกขาขวาขึ้นต้านแรงมือแพทย์ที่กดลง
ทั้งสองวิธี ผู้ป่วยจะปวดท้องขวาล่าง
|
พบในไส้ติ่งอักเสบที่อยู่ด้านหลัง (retrocecal appendix)
ความไวไม่สูง (ไม่พบในผู้ป่วยทุกราย)
แต่ความจำเพาะค่อนข้างดีสำหรับไส้ติ่งที่อยู่ด้านหลัง
อาจให้ผลบวกลวงในกรณี
กล้ามเนื้อสะโพกหรือหลังอักเสบ
โรคข้อสะโพก
และการติดเชื้อในช่องท้องส่วนลึกอื่น
|
| 5. Rosenstein’s sign |
พัฒนาโดยแพทย์ชาวเยอรมัน Rosenstein
|
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายแล้วอาการปวดท้องน้อยขวาจะเพิ่มขึ้น
|
พบได้ในผู้ป่วยที่ไส้ติ่งอักเสบชัดเจน
ไม่เหมาะในผู้ป่วยเคลื่อนไหวลำบาก
|
| 6. Dunphy’s sign |
อธิบายจากการสังเกตอาการปวดขณะไอ โดย Dr. Osborne Joby Dunphy
|
ให้ผู้ป่วยไอ หากปวดท้องน้อยขวาเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นผลบวก
|
เข้าใจง่าย เหมาะกับการคัดกรองเบื้องต้น
อาจผิดพลาดในโรคทางเดินหายใจหรือกล้ามเนื้อหน้าท้องอักเสบ
|
| 7. Markle’s sign |
รายงานโดย Dr. George Bushar Markle IV ศัลยแพทย์ชาวอเมริกัน ในปีค.ศ. 1985 รู้จักในชื่อ heel drop test
|
ให้ผู้ป่วยเขย่งแล้วกระแทกส้นเท้าลงพื้น
หากปวดท้องมากขึ้นถือว่าเป็นผลบวก
|
ช่วยบ่งชี้การระคายเคืองเยื่อบุช่องท้อง
ไม่เหมาะในผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาข้อเข่า
|
| 8. Massouh’s sign |
เป็นอาการแสดงที่อธิบายในช่วงหลัง
เพื่อใช้ตรวจในเด็ก
|
ลูบหน้าท้องเบา ๆ จากซ้ายไปขวา
เด็กจะหลบหรือร้องเมื่อแตะท้องน้อยขวา
|
เหมาะในเด็กเล็กที่สื่อสารอาการปวดไม่ได้ดี
ความแม่นยำขึ้นกับประสบการณ์ผู้ตรวจ
|
| 9. Sherren’s triangle |
อธิบายโดย Dr. James Sherren ศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ
|
ตรวจความไวต่อความเจ็บในสามเหลี่ยมระหว่างสะดือ
หัวหน่าว และกระดูกสะโพกขวา
|
พบในไส้ติ่งอักเสบที่ลุกลาม
ไม่จำเพาะ และใช้ค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน
|
| 10. Ten Horn’s sign |
ตั้งชื่อตาม Ten Horn
|
ดึงสายอสุจิด้านขวาในผู้ชายแล้วเกิดอาการปวดท้องน้อยขวา
|
ใช้ได้เฉพาะในผู้ชาย
มีความจำกัดและไม่ใช้เป็นมาตรฐาน
|