เป็นลม (Syncope)

อาการเป็นลม หรือที่บางคนเรียกว่า "วูบ" หรือ "หน้ามืด" คือการที่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกใจหวิว ตัวโครงเครง ตัวมัวลงพร้อมกับแขนขาอ่อนแรงไปเฉย ๆ มักเกิดในท่ายืน (น้อยครั้งที่จะเกิดในท่านั่ง และจะไม่เป็นในท่านอน) เมื่อยืนทรงตัวไม่ไหวก็จะทรุดลงไปนอนกับพื้น แล้วจะหมดสติไปชั่วครู่หนึ่ง ไม่เกิน 30 วินาทีก็จะฟื้นคืนสติได้เอง (หากหมดสติไปนานกว่านั้นจะไม่เรียกว่า "เป็นลม" แต่เป็นอาการ "หมดสติ")

ผู้ที่อยู่ใกล้จะเห็นว่าท่านหน้าซีด เหงื่อออก มือเย็น ชีพจรเบา หายใจตื้น ช้าและแผ่วเบา ถ้ามีโอกาสวัดความดันเลือดจะพบว่า ความดันต่ำกว่าธรรมดา สักครู่หนึ่งชีพจรก็จะแรงขึ้น หายใจเริ่มแรง เร็วและลึก หน้ามีสีเลือด และเริ่มขยับแขนขา ศีรษะ แล้วพยายามจะลุกขึ้น ทันทีที่รู้สึกตัว ท่านเข้าใจคำถาม ตอบได้ถูกต้อง และพอจะจำได้ว่าก่อนเป็นลมกำลังทำอะไรอยู่ ไม่มีอาการปวดศีรษะ, สับสน มึน ซึม หรือง่วงนอนเหมือนผู้ที่มีอาการชักแบบไม่กระตุกหรือหมดสติจากอย่างอื่น

โดยทั่วไปอาการเป็นลมเป็นผลจากความผิดปกติของร่างกายเพียงชั่วครู่ ไม่ร้ายแรงประการใด การดูแลรักษาผู้ที่เป็นลมก็ง่าย เพียงจัดท่าทางให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น คือ ท่านอนราบศีรษะต่ำ จัดให้อยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก ปลดเสื้อผ้าหรือสิ่งที่รัดร่างกายจนแน่นโดยเฉพาะบริเวณคอให้หลวม ๆ ไม่ควรให้ลุกขึ้นเร็วจนกว่าสบายขึ้น

สาเหตุของการเป็นลม

การเป็นลมเกิดจากการที่สมองมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ซึ่งเกิดจากกลไกและสาเหตุดังต่อไปนี้

  1. Vasovagal response
  2. เป็นการตอบสนองของเส้นประสาทเวกัสต่อปัจจัยที่ไม่สบายต่าง ๆ เช่น ความเจ็บปวด ความกลัว ความวิตกกังวล ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์อย่างรุนแรง ความหิว ความอ่อนเพลีย อากาศร้อน การเห็นเลือด ฯลฯ กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นลมมาจากสาเหตุนี้

  3. Cardiac causes ผู้ที่มีความผิดปกติของหัวใจดังต่อไปนี้มีโอกาสเป็นลมหมดสติได้ง่ายกว่าคนปกติ
    • มีหัวใจพิการมาแต่กำเนิด เช่น Tetralogy of Fallot, Eisenmenger's syndrome
    • ลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic stenosis)
    • Idiopathic hypertrophic subaortic stenosis (IHSS) มักเกิดในคนหนุ่มสาวหลังจากเล่นหรือออกแรง
    • ลิ้นหัวใจพัลโมนารีตีบ (Pulmonary stenosis)
    • เนื้องอกของผนังหัวใจห้องบนซ้าย (Left atrial myxoma)
    • ใส่ลิ้นหัวใจเทียมที่ห้องด้านซ้าย
    • Mitral valve prolapse
    • Primary pulmonary hypertension
    • Pulmonary embolism
    • มีหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดไปชั่วขณะ
    • Congenital prolonged Q-T interval
    • WPW syndrome
    • LGL syndrome
    • Cardiomyopathy อื่น ๆ

  4. Orthostatic hypotension
  5. เป็นการลดลงของความดันโลหิตอย่างกะทันหันขณะกำลังลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอน ผู้ป่วยจะรู้สึกวูบ หรือหน้ามืดทันที โดยอาจไม่ถึงขั้นหมดสติ ส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังยืนทรงตัวดีแล้วสัก 1-2 นาที ยาลดความดันบางชนิดก็ทำให้เกิดอาการแบบนี้ได้

  6. จากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบแคบลง มักพบในคนสูงอายุ
  7. Carotid sinus syndrome มักจะเกิดในคนที่ใส่เสื้อคอตั้งและรัดคอมากไป
  8. Hysterical fainting มักพบในเด็กโตหรือวัยรุ่น เด็กพวกนี้มักมีปัญหาทางอารมณ์ ต้องการการเอาใจใส่ การเป็นลมอาจเป็นการตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของชีพจรและความดันโลหิต และอาจเป็นได้บ่อย ๆ หรือเป็นอยู่นานกว่า 30 วินาที
  9. สาเหตุอื่น ๆ ที่พบน้อย เช่น เป็นลมขณะปัสสาวะ ไอ เจ็บในช่องคอ (glossopharyngeal neuralgia) เป็นต้น

เมื่อใดถึงควรไปพบแพทย์

ดังที่ได้กล่าวไว้แต่ต้นว่าการเป็นลมโดยที่มีปัจจัยให้เกิดและหมดสติเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ (ไม่ถึง 1 นาที) พร้อมกับการจดจำเหตุการณ์ได้ทันทีเมื่อฟื้น ไม่ใช่อาการร้ายแรงแต่อย่างใด แต่การเป็นลมในกรณีต่อไปนี้ สมควรจะได้รับการตรวจทางหัวใจและระบบประสาทอย่างละเอียด

แนวทางการวินิจฉัย

ผู้ที่เป็นลม สิ่งแรกคือต้องแยกว่าเป็นการ "เป็นลม" หรือ "ชัก (แบบไม่กระตุก)" หรือ "หมดสติ (ชั่วครู่)" ส่วนใหญ่จะดูจากระยะเวลาที่หมดสติไปกับความจดจำได้ทันทีเมื่อฟื้น นอกจากนั้นการเป็นลมแม้จะล้มในท่ายืนมักไม่มีการกัดลิ้น ปัสสาวะราด หรือการบาดเจ็บมากนัก ขณะที่ผู้เป็นลมชักอาจเกิดได้ทุกท่าไม่ว่าจะนั่งหรือนอน และอาจมีการขยับตัวจนเกิดการบาดเจ็บแก่ตัวเอง ในกรณีที่ไม่แน่ใจให้พาไปตรวจที่โรงพยาบาลเมื่ออาการดีขึ้นสักพักแล้ว แพทย์จะทำการซักประวัติใหม่ ตรวจร่างกาย วัดความดันท่านอนเทียบกับท่านั่ง ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอกซเรย์ทรวงอก ตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (ถ้ามีความผิดปกติของหัวใจจริง) และคลื่นไฟฟ้าสมอง (หากสงสัยเป็นโรคลมชัก)

สาเหตุของการเป็นลมส่วนใหญ่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่ออารมณ์และระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งแก้ไขไม่ได้ ได้แต่คอยระวังไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้นขึ้นอีก สาเหตุทางหัวใจแม้จะตรวจพบก็มีเพียงบางโรคเท่านั้นที่รักษาได้ ภาวะที่รักษาไม่ได้อย่างน้อยเป็นการเตือนตัวเองว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทุกเวลาและอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาทเกินไป