โรคขาดแกมมาโกลบูลิน (Agammaglobulinemia)

โกลบูลินคืออะไร?

โกลบูลิน (Globulin) เป็นโปรตีนในเลือด แบ่งออกเป็นหลายชนิด ได้แก่ อัลฟา (α) เบต้า (β) และแกมมา (γ) โดย แกมมาโกลบูลิน (Gamma globulin) หมายถึงกลุ่มโปรตีนที่มีหน้าที่เป็นแอนติบอดี (antibody หรือ immunoglobulin, Ig) ซึ่งสร้างจาก เซลล์พลาสมา (plasma cell) ที่มีต้นกำเนิดจาก บีลิมโฟไซต์ (B lymphocyte)

หน้าที่ของแกมมาโกลบูลิน

แกมมาโกลบูลินทำหน้าที่หลักคือการป้องกันและต่อสู้กับเชื้อโรค โดยมีแอนติบอดีหลายชนิด ได้แก่

  • IgG: แอนติบอดีหลักในกระแสเลือด ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
  • IgA: พบในน้ำลาย น้ำตา น้ำมูก และสารคัดหลั่ง ทำหน้าที่ปกป้องเยื่อบุ
  • IgM: เป็นแอนติบอดีตัวแรกที่สร้างขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อใหม่
  • IgE: เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาแพ้และการป้องกันพยาธิ
  • IgD: มีบทบาทในการกระตุ้นการทำงานของบีลิมโฟไซต์

สาเหตุของการไม่มีแกมมาโกลบูลิน

ภาวะขาดแกมมาโกลบูลิน (Agammaglobulinemia) เกิดจากความผิดปกติที่ทำให้บีลิมโฟไซต์ไม่สามารถพัฒนาเป็นเซลล์ที่สร้างแอนติบอดีได้ ทำให้ระดับ immunoglobulin ในเลือดต่ำหรือไม่มีเลย สาเหตุแบ่งได้เป็น

  • พันธุกรรม: พบมากที่สุดคือ X-linked agammaglobulinemia (XLA) เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน BTK (Bruton tyrosine kinase) ทำให้การเจริญของ B-cell หยุดชะงัก
  • ภาวะที่เกิดภายหลัง: เช่น การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ยากดภูมิ การฉายรังสี หรือโรคมะเร็งของระบบน้ำเหลือง

อุบัติการณ์ของโรค

X-linked agammaglobulinemia เป็นโรคหายาก พบประมาณ 1 ใน 200,000 เด็กแรกเกิดชาย โรคชนิด autosomal recessive agammaglobulinemia ยิ่งพบได้น้อยกว่า

อาการของโรค

  • เริ่มแสดงอาการหลังอายุ 6 เดือน (เพราะแอนติบอดีจากแม่หมดไป)
  • ติดเชื้อซ้ำ ๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีแคปซูล เช่น Streptococcus pneumoniae, Haemophilus influenzae
  • ติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย: หลอดลมอักเสบ ปอดบวม ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ
  • ติดเชื้อในทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
  • อาจติดเชื้อรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
  • ตรวจร่างกาย: ต่อมทอนซิลและต่อมน้ำเหลืองเล็กหรือแทบไม่โต


การวินิจฉัย

การวินิจฉัยอาศัยประวัติการติดเชื้อบ่อย ตรวจร่างกาย และผลแล็บ ได้แก่

  • ระดับ immunoglobulin (IgG, IgA, IgM) ต่ำมากหรือไม่มี
  • จำนวน B-cell (CD19+, CD20+) ในเลือดต่ำหรือไม่มี
  • การตรวจยืนยันทางพันธุกรรม เช่น การตรวจหาการกลายพันธุ์ของ BTK gene

การวินิจฉัยแยกโรค

โรค ลักษณะสำคัญ ข้อแตกต่างจาก Agammaglobulinemia
Common Variable Immunodeficiency (CVID) ระดับ Ig ต่ำ แต่อาจเริ่มแสดงอาการในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ มี B-cell แต่ทำงานผิดปกติ ไม่เหมือน XLA ที่ไม่มี B-cell
Selective IgA deficiency ขาด IgA เพียงชนิดเดียว IgG และ IgM ปกติ อาการมักไม่รุนแรงเท่า Agammaglobulinemia
Transient hypogammaglobulinemia of infancy เด็กเล็กมี Ig ต่ำ แต่จะดีขึ้นเมื่อโตขึ้น หายได้เอง ต่างจาก Agammaglobulinemia ที่เป็นถาวร
Severe Combined Immunodeficiency (SCID) มีความผิดปกติทั้ง B-cell และ T-cell มีอาการรุนแรงและติดเชื้อฉวยโอกาสมากกว่า

การรักษา

  • การให้ immunoglobulin ทดแทน (IVIG หรือ SCIG): เพื่อลดการติดเชื้อ
  • ยาปฏิชีวนะ: รักษาการติดเชื้อเฉียบพลัน และอาจใช้ prophylaxis ในบางราย
  • การดูแลปอด: เช่น กายภาพบำบัดทรวงอก เพื่อลดการสะสมของเสมหะ
  • หลีกเลี่ยงวัคซีนเชื้อเป็น (live vaccine) เช่น MMR, OPV, Varicella
  • การปลูกถ่ายไขกระดูก (Hematopoietic stem cell transplantation) อาจพิจารณาในบางรายที่มีโรครุนแรง


พยากรณ์โรค

หากไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยจะติดเชื้อบ่อยและอาจเสียชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก แต่หากได้รับ IVIG อย่างต่อเนื่องและดูแลอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาวได้ อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงต่อโรคปอดเรื้อรัง หลอดลมโป่งพอง และภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ

การป้องกัน

ไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม แต่สามารถลดภาวะแทรกซ้อนได้โดย

  • ได้รับ IVIG อย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรค
  • ไม่ใช้วัคซีนเชื้อเป็น
  • ตรวจติดตามสุขภาพปอดและการติดเชื้อเรื้อรัง

สรุป

โรคขาดแกมมาโกลบูลิน (Agammaglobulinemia) เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เกิดจากการขาดแอนติบอดี เนื่องจาก B-cell ไม่สามารถพัฒนาได้ตามปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการติดเชื้อบ่อยตั้งแต่วัยเด็ก การวินิจฉัยอาศัยระดับ immunoglobulin ที่ต่ำมากหรือไม่มี และการตรวจ B-cell ร่วมกับการตรวจทางพันธุกรรม การรักษาหลักคือการให้ IVIG อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดอัตราการติดเชื้อและยืดอายุผู้ป่วย แม้ไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ แต่การดูแลที่เหมาะสมสามารถทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงปกติ