โรคซาร์คอยโดสิส (Sarcoidosis)
โรคซาร์คออยโดสิส (Sarcoidosis) เป็นโรคอักเสบเรื้อรังที่พบได้ไม่บ่อย สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการตอบสนองผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันต่อสิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมหรือการติดเชื้อในผู้ที่มีพันธุกรรมไวต่อโรค มีลักษณะสำคัญคือการเกิดก้อนเนื้ออักเสบชนิด granuloma ในหลายอวัยวะ โดยเฉพาะปอด ต่อมน้ำเหลือง ตา และผิวหนัง พบได้ทั่วโลก แต่มีความชุกแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค มักพบในผู้ใหญ่ช่วงอายุ 20–40 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเล็กน้อย
อาการ
ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการและตรวจพบโดยบังเอิญ หรือมีอาการหลากหลาย ขึ้นกับอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ เช่น:
- ปอด: 90% มีไอเรื้อรัง หายใจหอบ เจ็บหน้าอก
- ต่อมน้ำเหลือง: ต่อมน้ำเหลืองโต พบถึง 75-90% โดยเฉพาะที่ lung hilar
- กระดูกและข้อ: 25-50% มีข้ออักเสบพร้อมกันหลายข้อ แบบสมมาตร ข้อเท้า100% เข่า41% ข้อมือ33% ข้อศอก20%
- ตา: 25% มีตาแดง ปวดตา มองเห็นพร่ามัว
- ผิวหนัง: 25-30% มีผื่นนูนแดง (erythema nodosum), ก้อนใต้ผิวหนัง (Subcutaneous nodule) ที่หลังหรือแขนขา, ผื่นนูนตึงสีม่วง
- ไขกระดูกและม้าม: 15-40% เม็ดเลือดขาวต่ำ โลหิตจาง ม้ามโต
- ต่อมน้ำลาย: ที่กกหูโต 10% เนื้อแน่น เรียบ มักพบร่วมกับปากแห้งตาแห้ง ทำให้แยกยากจากโรคโจเกร็น
- หัวใจ: หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว
- ระบบประสาท: อ่อนแรง ชา อาการคล้ายอัมพาต
- อาการทั่วไป: ไข้ต่ำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคซาร์คออยโดสิสต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย การตรวจภาพรังสี และยืนยันด้วยการตรวจชิ้นเนื้อ พบลักษณะ granuloma ที่ไม่เป็น caseating (ไม่เน่าเหมือนวัณโรค)
- เอกซเรย์ปอดหรือ CT scan: พบต่อมน้ำเหลืองโตที่ hilum หรือ interstitial lung disease
- การตรวจเลือด: lymphocyte ต่ำ, Eo สูง, anemia, ESR สูง, RF+ลวง, AlK สูง, อาจพบ ACE (angiotensin-converting enzyme) สูง แคลเซียมในเลือดสูง
- การตรวจชิ้นเนื้อ: ยืนยันการวินิจฉัยโดยพบ non-caseating granuloma
การวินิจฉัยแยกโรค
โรค |
ลักษณะสำคัญ |
วิธีแยกโรค |
วัณโรคปอด |
ไอเรื้อรัง เสมหะปนเลือด มีไข้กลางคืน |
ตรวจเสมหะหาเชื้อ TB, PCR, การย้อมกรดทน |
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง |
ต่อมน้ำเหลืองโต น้ำหนักลด เหงื่อออกกลางคืน |
การตรวจชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลือง |
โรคปอดอักเสบจากภูมิแพ้ (Hypersensitivity pneumonitis) |
หายใจหอบหลังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ |
ประวัติสัมผัสสารแวดล้อม CT scan ปอด |
ซิลิโคสิส (Silicosis) |
ประวัติสัมผัสฝุ่นหิน ฝุ่นแก้ว ต่อมน้ำเหลืองปอดโต |
ประวัติอาชีพ การตรวจภาพปอด |
การรักษา
ผู้ป่วยบางรายที่ไม่มีอาการรุนแรงอาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด การรักษาเน้นควบคุมการอักเสบและป้องกันความเสียหายต่ออวัยวะ โดยแนวทางการรักษาได้แก่:
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Prednisone): เป็นยาหลักในการรักษา
- ยากดภูมิคุ้มกัน: เช่น methotrexate, azathioprine, mycophenolate mofetil
- ยาชีววัตถุ (Biologic agents): เช่น infliximab ใช้ในรายที่ดื้อต่อการรักษา
- การรักษาประคับประคอง: ออกซิเจนบำบัด ควบคุมหัวใจเต้นผิดจังหวะ
พยากรณ์โรค
พยากรณ์โรคซาร์คออยโดสิสแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถหายเองได้ภายใน 2–5 ปีโดยไม่ทิ้งความเสียหายรุนแรง อย่างไรก็ตามบางรายอาจมีโรคเรื้อรังจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น พังผืดในปอด หัวใจล้มเหลว หรือปัญหาทางประสาท
หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาเร็วสามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้น
การป้องกัน
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันโรคซาร์คออยโดสิสโดยตรง เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม การลดการสัมผัสฝุ่น สารเคมี และการตรวจสุขภาพเมื่อมีอาการผิดปกติสามารถช่วยให้วินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งส่งผลต่อการรักษาและพยากรณ์โรคที่ดีขึ้น
สรุป
โรคซาร์คออยโดสิสเป็นโรคอักเสบเรื้อรังที่สามารถเกิดกับหลายอวัยวะ
มีลักษณะเด่นคือการเกิด granuloma ที่ไม่เป็น caseating แม้บางรายจะหายเองได้ แต่บางรายอาจพัฒนาเป็นโรคเรื้อรังรุนแรง การวินิจฉัยอาศัยการตรวจภาพและยืนยันด้วยการตรวจชิ้นเนื้อ การรักษาหลักคือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์และยากดภูมิคุ้มกัน การตรวจพบและรักษาเร็วจะช่วยควบคุมโรคและลดภาวะแทรกซ้อนได้ แม้จะไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจน แต่การดูแลสุขภาพและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงมีความสำคัญต่อการลดโอกาสเกิดโรคและการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ