โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจที่พบบ่อย พบได้ในทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กและผู้ใหญ่ตอนต้น อัตราการเกิดต่างกันตามพื้นที่และปัจจัยสิ่งแวดล้อม ในประเทศพัฒนาแล้วอุบัติการณ์อาจสูงถึง 20–30% ของประชากร ในประเทศไทยและภูมิภาคเขตร้อน ภูมิแพ้ชนิดที่สัมพันธ์กับไรฝุ่นและเชื้อราเป็นสาเหตุหลักที่พบบ่อย
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ (allergen) ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถูกจดจำและกระตุ้นให้เกิดการหลั่งแอนติบอดีชนิด IgE ต่อมาสต์เซลล์และบีเซลล์ เมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้อีกครั้งจะเกิดการหลั่งสารไซโตไคน์และฮีสตามีน ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และคัน
สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย
- ไรฝุ่นในบ้าน (house dust mite)
- เกสรดอกไม้ (pollen) — seasonal allergic rhinitis
- เชื้อราในอากาศ
- ขนสัตว์ ละอองที่มาจากสัตว์เลี้ยง
- แมลงสาบ
- สารเคมีหรือกลิ่นฉุนที่กระตุ้น (irritants) เช่น ควันบุหรี่ ควันไอเสีย
ปัจจัยเสี่ยง
- ประวัติครอบครัวมีภูมิแพ้ (atopy)
- การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ตั้งแต่อายุยังน้อย
- มลพิษทางอากาศ และควันบุหรี่ในครัวเรือน
- การเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมชื้นที่ส่งเสริมการเจริญของไรฝุ่นหรือเชื้อรา
- โรคทางเดินหายใจเรื้อรังหรือภูมิแพ้อื่นร่วมด้วย (เช่น หืด โรคภูมิแพ้ผิวหนัง)
อาการ
อาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้มีตั้งแต่น้อยจนถึงรุนแรง และอาจเป็นได้เป็นพัก ๆ (intermittent) หรือตลอดเวลา (persistent) โดยอาการหลักได้แก่
- คัดจมูก (nasal congestion) — มักเป็นอาการที่ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง
- น้ำมูกใส (rhinorrhea)
- จามเป็นชุด (sneezing)
- คันจมูก หรือลามไปยังตาและคอ (nasal/ocular itching)
- ตาแดง น้ำตาไหล (in allergic conjunctivitis)
- การได้กลิ่นลดลง (hyposmia) หรือความรู้สึกอึดอัดใบหน้า เมื่อมีเยื่อบูมบวมหรือไซนัสอักเสบร่วม
อาการจะเพิ่มขึ้นเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ในฤดูกาลที่มีเกสร หรือเมื่ออยู่ในบ้านที่มีไรฝุ่นสูง
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ขึ้นกับประวัติที่สอดคล้องกับการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และการตรวจร่างกาย รวมถึงการทดสอบทางห้องปฏิบัติการเพื่อระบุสารก่อภูมิแพ้
องค์ประกอบการวินิจฉัย
- ประวัติ — ลักษณะอาการ (คัดจมูก น้ำมูกจาม) ความสัมพันธ์กับสิ่งกระตุ้นหรือฤดูกาล ประวัติครอบครัว
- การตรวจร่างกาย — การส่องจมูก (rhinoscopy) พบเมือกใส เยื่อบจมูกบวม/ซีดหรือแดง ขึ้นกับชนิดและความรุนแรง
- การทดสอบภูมิแพ้
- Skin prick test (SPT) — การทดสอบทางผิวหนังเพื่อตรวจ IgE ต่อสารก่อภูมิแพ้
- Specific IgE ในเลือด (RAST/ImmunoCAP) — ใช้เมื่อตรวจผิวหนังไม่ได้
- การตรวจเสริม — ในรายที่สงสัยโรคแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลาง อาจทำ CT scan ของไซนัสหรือการตรวจเพิ่มเติม
การวินิจฉัยแยกโรค
โรค/ภาวะ |
ลักษณะเด่น |
การแยกจากโรคภูมิแพ้ |
โรคหวัด (Viral rhinitis) |
มักมีไข้ เจ็บคอ ปกติเป็นระยะสั้น (ไม่เกิน 7–10 วัน) |
ประวัติการเริ่มแบบเฉียบพลัน มีไข้และอาการระบบมากกว่า |
ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน/เรื้อรัง |
ปวดใบหน้า หนาเมือกสีเหลือง/เขียว ไข้ในบางราย |
ตรวจพบการอุดตันของทางเปิดไซนัส หรือ CT sinus ช่วยวินิจฉัย |
จมูกอักเสบจากการใช้ยา (Rhinitis medicamentosa) |
ประวัติใช้ยาพ่นจมูกชนิดสารเสพติด (decongestant) นาน ๆ |
หยุดยาพ่นแล้วอาการยังคงหรือแย่ลง; ประวัติการใช้ยา |
โรคโพรงจมูกผิดรูป (เช่น โคนผนังกั้นจมูกเอียง) |
อาการคัดจมูกด้านเดียวเรื้อรัง |
การตรวจทางจมูกโดยหูคอจมูกหรือส่องกล้องชัดเจน |
โรคจมูกอักเสบจากการระคายเคือง (Irritant rhinitis) |
สัมพันธ์กับควัน กลิ่นฉุน หรือการระคายผิวหน้า |
ไม่มีผลการทดสอบภูมิแพ้บวก และอาการสัมพันธ์กับสิ่งระคายเคือง |
การรักษา
เป้าหมายการรักษาคือควบคุมอาการ ลดการอักเสบ และปรับปรุงคุณภาพชีวิต การรักษาประกอบด้วยมาตรการไม่ใช้ยา ยา และการบำบัดเฉพาะทาง
- การจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental control)
- ลดการสัมผัสไรฝุ่น: ใช้ปลอกที่นอนกันไรฝุ่น ซักผ้าปูที่นอนที่อุณหภูมิสูง (≥60°C) ลดพรมและผ้าห่มหนา
- ควบคุมความชื้นในบ้านให้น้อยกว่า 50% เพื่อลดเชื้อรา
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่และมลพิษภายในบ้าน
- ยา
- ยาพ่นสเตียรอยด์ชนิดจมูก (Intranasal corticosteroids) — เป็นยาหลักสำหรับควบคุมการอักเสบ และปรับปรุงอาการคัดจมูก มีประสิทธิภาพมากและปลอดภัยเมื่อใช้ตามคำแนะนำ
- ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน (Oral antihistamines) — ช่วยลดอาการจาม น้ำมูก และคัน มีทั้งชนิดที่ก่อความง่วงและไม่ก่อความง่วง
- ยาพ่นจมูกชนิดสารลดบวม (Intranasal decongestants) — ช่วยลดคัดจมูกระยะสั้น แต่ไม่แนะนำใช้ติดต่อกันนานเพราะอาจทำให้เกิด rhinitis medicamentosa
- ยาละลายเสมหะ / ล้างจมูก (saline irrigation) — ล้างเมือกและสารก่อภูมิแพ้ออกจากโพรงจมูก ช่วยให้ยาอื่น ๆ ทำงานได้ดีขึ้น
- ยากดภูมิคุ้มกัน/ชีววัตถุ (Immunomodulators / biologics) — ในรายที่รุนแรงหรือดื้อต่อยาบรรเทาอาการ (เช่น anti-IgE: omalizumab) อาจพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญ
- ภูมิคุ้มกันบำบัด (Allergen immunotherapy)
การให้สารก่อภูมิแพ้ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นทีละน้อย โดยการฉีดหรือใต้ลิ้น (subcutaneous immunotherapy - SCIT, sublingual immunotherapy - SLIT) ช่วยลดความไวต่อสารก่อภูมิแพ้ และอาจลดความเสี่ยงการเกิดหืดในอนาคต เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิแพ้ชนิดเฉพาะและตอบสนองไม่ดีต่อการรักษาแบบมาตรฐาน
พยากรณ์โรค
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้มักเป็นโรคเรื้อรังที่ขึ้นกับชนิดของสารก่อภูมิแพ้และการจัดการปัจจัยเสี่ยง ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถควบคุมอาการได้ดีด้วยการหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นและการรักษาต่อเนื่อง แต่บางรายอาจมีอาการเรื้อรังหรือกำเริบบ่อย ต้องติดตามและปรับการรักษาเป็นระยะ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้ ได้แก่ ไซนัสอักเสบ ตาอักเสบเรื้อรัง หูชั้นกลางอักเสบในเด็ก และผลกระทบต่อการนอนหลับหรือคุณภาพชีวิต
การป้องกัน
- ควบคุมสภาพแวดล้อมภายในบ้าน (ลดไรฝุ่น เชื้อรา และควันบุหรี่)
- ทำความสะอาดและล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเมื่อมีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้
- เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เมื่อเป็นไปได้ในช่วงแรกเกิดเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภูมิแพ้ในอนาคต
- พิจารณาการทำภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับผู้ที่มีการพิสูจน์สารก่อภูมิแพ้เฉพาะและมีอาการรุนแรงหรือต้องการลดการใช้ยาต่อเนื่อง
สรุป
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจที่พบบ่อย มีสาเหตุจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้หลายชนิด การวินิจฉัยอาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และการทดสอบภูมิแพ้ การรักษาประกอบด้วยการควบคุมสิ่งแวดล้อม การใช้ยาที่เหมาะสม และในบางรายการทำภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อยืดหยุ่นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้เมื่อได้รับการรักษาและจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม