โรคท่อน้ำดีอักเสบ (Ascending cholangitis)

โรคท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลันเกิดจากการอุดตันของท่อน้ำดี ไม่ว่าจะเป็นจากนิ่ว มะเร็ง หรือการตีบแคบของท่อน้ำดีเอง รวมถึงการใส่สายหรือเครื่องมือเข้าไปในท่อน้ำดี ซึ่งอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียจากลำไส้ย้อนเข้าสู่ท่อน้ำดีได้ ภาวะนี้มีความรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าโรคถุงน้ำดีอักเสบทั่วไป แต่โชคดีที่พบไม่บ่อยนัก

อาการของโรค

ผู้ป่วยมักมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระซีด และคันตามผิวหนัง ซึ่งเป็นผลจากการอุดตันของท่อน้ำดี หากผู้ป่วยมีไข้ หนาวสั่น และปวดท้องใต้ชายโครงขวามาก ต้องรีบพบแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้เพียง 1–2 วัน อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

อาการสำคัญของโรคนี้ประกอบด้วย 3 อาการร่วมกันที่เรียกว่า Charcot's triad ได้แก่

  • ไข้หนาวสั่น
  • ปวดท้องรุนแรง
  • ตัวเหลืองตาเหลือง

อาการปวดท้องในโรคนี้มักรุนแรงกว่าถุงน้ำดีอักเสบ และไม่ได้จำกัดเฉพาะใต้ชายโครงขวา แต่อาจลามไปทั่วท้องส่วนบน บางรายมีหน้าท้องแข็งเกร็งและปวดมากขึ้นเมื่อขยับตัว ไข้มักมีลักษณะจับไข้หนาวสั่น เนื่องจากเชื้อที่ก่อโรคส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรียแกรมลบจากลำไส้ซึ่งมีความรุนแรงสูง

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยพบร่วมกับอีก 2 อาการสำคัญ ได้แก่ ความรู้สึกตัวลดลง (สับสนหรือซึม) และความดันโลหิตตก ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง

การวินิจฉัยโรค

แพทย์ที่ทราบประวัติของผู้ป่วยมาก่อนจะนึกถึงการติดเชื้อในท่อน้ำดีได้อย่างรวดเร็วจากลักษณะอาการและการตรวจร่างกาย ประวัติที่มีอาการเหลืองก่อนจะมีไข้ช่วยตัดโรคติดเชื้อเฉียบพลันอย่างอื่นที่มีไข้ก่อนแล้วถึงจะเหลืองออกไป อาการปวดท้องที่รุนแรงจนตรวจพบอาการแสดงของเยื่อบุช่องท้องอักเสบด้วยต้องอาศัยภาพจากเอกซเรย์และอัลตราซาวด์ช่องท้องเพื่อแยกภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบจากสาเหตุอื่น ๆ ออกไป

เชื้อก่อโรคส่วนใหญ่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว การตรวจเพาะเชื้อจากเลือดเป็นวิธีที่แม่นยำแต่ใช้เวลาหลายวัน ดังนั้น แพทย์จึงจำเป็นต้องเริ่มให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื้อแกรมลบตั้งแต่แรก โดยไม่สามารถรอผลเพาะเชื้อได้



การรักษา

ในระยะแรก ผู้ป่วยจะถูกงดน้ำและอาหาร เพื่อเตรียมสำหรับการตรวจ การผ่าตัด หรือหัตถการฉุกเฉิน พร้อมได้รับน้ำเกลือ ยาระงับปวด และยาปฏิชีวนะชนิดฉีดทันที ผู้ป่วยอาจต้องมีการบันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออกของร่างกายอย่างเคร่งครัด เช่น การใส่สายสวนปัสสาวะหรือเก็บปัสสาวะลงภาชนะทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินสมดุลของร่างกายและความดันโลหิตได้อย่างถูกต้อง

เมื่อผลเพาะเชื้อออกมาแล้ว แพทย์อาจเปลี่ยนชนิดยาปฏิชีวนะให้เหมาะสมกับเชื้อที่พบ หากอาการผู้ป่วยดีขึ้น จึงพิจารณาทำหัตถการเพื่อแก้การอุดตัน เช่น การส่องกล้อง ERCP เพื่อระบายท่อน้ำดี หรือการผ่าตัดในบางราย

พยากรณ์โรค

หากได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและเหมาะสม ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม หากวินิจฉัยล่าช้า หรือผู้ป่วยมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน โรคตับ หรือภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตจะสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะหากมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดและช็อก

การป้องกัน

การป้องกันโรคท่อน้ำดีอักเสบทำได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง เช่น

  • รักษาและติดตามโรคนิ่วในถุงน้ำดีหรือนิ่วในท่อน้ำดีอย่างเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือทางการแพทย์เข้าสู่ท่อน้ำดีโดยไม่จำเป็น
  • ตรวจสุขภาพเป็นระยะเพื่อค้นหาความผิดปกติของตับและท่อน้ำดีแต่เนิ่น ๆ
  • ดูแลสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง ลดปัจจัยเสี่ยงจากโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน

สรุป

โรคท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลันเป็นภาวะอันตรายที่มักเกิดจากการอุดตันของท่อน้ำดีและการติดเชื้อแบคทีเรียจากลำไส้ อาการสำคัญคือ ไข้หนาวสั่น ปวดท้องรุนแรง และตัวเหลืองตาเหลือง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจนำไปสู่ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตได้ การรักษาที่สำคัญคือการให้ยาปฏิชีวนะอย่างเร่งด่วน การดูแลประคับประคอง และการแก้ไขการอุดตันของท่อน้ำดี การป้องกันทำได้โดยการดูแลสุขภาพ ลดปัจจัยเสี่ยง และเข้ารับการตรวจรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบท่อน้ำดีตั้งแต่เนิ่น ๆ