โรคไกอาร์ดิเอสิส (Giardiasis)
โรคไกอาร์ดิเอสิสเกิดจากโปรโตซัวที่มีหางชื่อ Giardia lamblia การติดเชื้อเกิดขึ้นเมื่อคนรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนซีสต์ของเชื้อเข้าไป ซีสต์จะทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร เมื่อเข้าสู่ลำไส้เล็กจะเปลี่ยนเป็นโทรโฟซอยต์ เกาะติดกับเยื่อบุลำไส้เล็ก และทำให้เยื่อบุหลุดลอก เมื่อเซลล์บุผิวหลุดลอกออก โทรโฟซ้อยท์จะกลับกลายเป็นซีสต์อีกครั้ง ก่อนถูกขับออกมากับอุจจาระ
โดยทั่วไปเชื้อไกอาร์เดียไม่ค่อยก่ออันตรายต่อร่างกาย ผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่มีอาการ แต่หากมีอาการมักพบเป็นท้องเสีย ปวดท้องไม่รุนแรง อ่อนเพลีย และน้ำหนักลด ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายได้เอง โรคนี้พบบ่อยในเด็กที่อาศัยในพื้นที่ที่สุขอนามัยไม่ดี การวินิจฉัยทำได้โดยตรวจพบซีสต์หรือโทรโฟซอยต์ในอุจจาระ หรือตรวจจากน้ำดูโอดีนัม หรือชิ้นเนื้อจากเจจูนัม ทั้งนี้หากสุขอนามัยในชุมชนยังไม่ดีพอ การรักษาอาจไม่ได้ผลยั่งยืน
ยารักษาโรคไกอาร์ดิเอสิส
เนื่องจากโรคนี้มักไม่รุนแรงและหายเองได้ ยารักษาจึงควรพิจารณาตามความรุนแรงของอาการหรือปริมาณเชื้อที่ตรวจพบ เนื่องจากยาบางชนิดเริ่มมีการดื้อยา และยากลุ่มใหม่มักมีผลข้างเคียงสูง ปัจจุบันมียาที่ใช้ได้ผลดีอยู่ 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
- กลุ่ม Nitroimidazoles ได้แก่ Metronidazole, Tinidazole, Ornidazole ยาจะสะสมในตัวเชื้อและสร้างอนุมูลอิสระที่ทำลายการทำงานของเซลล์ ทำให้เชื้อตายได้ราว 80%
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ วิงเวียน คลื่นไส้ การรับรสเปลี่ยนไป และอาจเกิดอาการคล้ายดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับ Disulfiram ได้ ขนาดยาที่ใช้คือ
- Metronidazole: ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 250 mg วันละ 3 ครั้ง นาน 5–7 วัน / เด็ก 5 mg/kg วันละ 3 ครั้ง
- Tinidazole: ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งเดียว 2 g / เด็ก 50 mg/kg (สูงสุด 2 g)
- Ornidazole: ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งเดียว 1.5 g / เด็ก 40 mg/kg (สูงสุด 2 g)
- กลุ่ม Acridine dyes ได้แก่ Quinacrine (Mepacrine) หรือชื่อการค้า Atabrine® ออกฤทธิ์โดยจับกับ DNA ของเชื้อ ยานี้สามารถฆ่าเชื้อได้ถึง 95% แต่ผลข้างเคียงได้แก่ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ และผิวหนังอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขนาดยาที่ใช้คือ
- Atabrine® ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 100 mg วันละ 3 ครั้ง นาน 5–7 วัน / เด็ก 2 mg/kg วันละ 3 ครั้ง
- กลุ่ม Thiazolides ได้แก่ Nitazoxanide ออกฤทธิ์ยังยั้งเอ็นไซม์ pyruvate-ferredoxin oxidoreductase (PFOR) ของปรสิต ใช้รักษาได้หลายโรค เช่น บิดอะมีบา, คริพโตสปอริดิโอสิส (Cryptosporidiosis), ไกอาร์ดิเอสิส, พยาธิไส้เดือน (Ascariasis), และพยาธิตืดแคระ (Hymenolepis nana หรือ Dwarf Tapeworm) แต่ยามีพิษต่อตับและไต ต้องลดขนาดในผู้ป่วยที่มีตับหรือไตผิดปกติ ขนาดยาในคนปกติคือ
- ผู้ใหญ่: รับประทานครั้งละ 500 mg วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร นาน 3 วัน
- เด็ก 1–4 ปี: รับประทานครั้งละ 100 mg ทุก 12 ชั่วโมง นาน 3 วัน
- เด็ก 4–11 ปี: รับประทานครั้งละ 200 mg วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร นาน 3 วัน
ข้อควรระวัง: ยาทั้งหมดข้างต้น ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์
สำหรับยา Albendazole และ Paramomycin ที่เคยใช้กันมาก่อน ปัจจุบันมีประสิทธิภาพเพียงประมาณ 50% เท่านั้น
ในประเทศไทย แพทย์บางท่านยังใช้ Furazolidone 100 mg วันละ 4 ครั้ง นาน 7–10 วัน แต่ยานี้ถูกยกเลิกในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากผลข้างเคียงที่รุนแรง
สรุป
โรคไกอาร์ดิเอสิสเป็นโรคปรสิตที่เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ แม้ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียเรื้อรัง อ่อนเพลีย และน้ำหนักลด การวินิจฉัยทำได้จากการตรวจอุจจาระหรือชิ้นเนื้อในลำไส้เล็ก การรักษามีหลายกลุ่มยา แต่ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมและผลข้างเคียง
รวมทั้งควรปรับปรุงสุขอนามัยในชุมชนเพื่อลดการแพร่กระจายของโรค