วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรคหรือทีบี (TB) เป็นปัญหาสำคัญของสาธารณสุขไทยมาตลอดทุกยุคทุกสมัย เชื้อวัณโรคจัดอยู่ระหว่างกลุ่มของแบคทีเรียกับเชื้อรา ที่เรียกว่ากลุ่ม Mycobacterium เป็นจุลชีพที่เจริญเติบโตช้า เพาะเชื้อขึ้นได้ยาก ส่วนใหญ่ติดต่อกันทางการหายใจ แต่สามารถทำให้เกิดโรคได้แทบทุกอวัยวะ ความสำคัญของวัณโรคอยู่ที่ความลำบากในการวินิจฉัย การเพิ่มขึ้นของเชื้อที่ดื้อต่อยารักษา ความพิการที่หลงเหลือเมื่อหายจากโรค และโอกาสเกิดเป็นซ้ำใหม่ได้ง่ายเมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง
พยาธิกำเนิด
เชื้อวัณโรคเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทางคือ การหายใจ การติดเชื้อผ่านบาดแผล และการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารก แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ประมาณ 95%) ติดเชื้อจากการสูดละอองเสมหะที่มีเชื้อเข้าสู่ปอด จากนั้นเชื้อส่วนหนึ่งจะเจริญและฝังตัวอยู่ในเนื้อปอด อีกส่วนหนึ่งจะเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองและเข้ากระแสโลหิต ถูกพัดพาไปตามอวัยวะต่าง ๆ หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพียงพอ เชื้อบางส่วนจะถูกทำลาย ส่วนที่เหลืออาจแฝงตัวอยู่โดยไม่แสดงอาการ แต่เราสามารถทราบได้โดยผลบวกของปฏิกิริยาทิวเบอร์คูลินที่ผิวหนัง หากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เชื้อจะแสดงอาการของโรคออกมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อาการของโรค
ผู้ป่วยมักเริ่มด้วยอาการทั่วไป ได้แก่ ไข้ต่ำ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึ่งอาจกินเวลาตั้งแต่ 1-10 สัปดาห์ ต่อมาอาการจะเฉพาะที่ขึ้นตามอวัยวะที่ติดเชื้อ ได้แก่:
- วัณโรคปอด: ไอเรื้อรัง เสมหะขุ่นหรือมีเลือดปน เหนื่อยง่าย ถ้าเป็นชนิดมีเลียรี่ (miliary tuberculosis) อาจไม่มีอาการไอ แต่จะมีไข้สูง หอบเหนื่อย
- วัณโรคเยื่อหุ้มปอด: ไข้สูง เจ็บแน่นหน้าอก หายใจหอบ
- วัณโรคต่อมน้ำเหลือง: ต่อมน้ำเหลืองโตติด ๆ กันหลายก้อน โดยเฉพาะที่คอหรือรักแร้ ลักษณะเป็นก้อนหยุ่น ๆ บีบไม่เจ็บ นานไปต่อมน้ำเหลืองเหล่านี้จะแตกเป็นแผลเรื้อรัง มีหนองสีเหลืองเขียวไหล ถ้าเป็นต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ทำให้มีอาการปวดท้องเรื้อรัง ท้องอืดท้องเฟ้อ
- วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง: ปวดศีรษะ อาเจียน อาจมีอาการชักหรือเห็นภาพซ้อน ค่อย ๆ ซึมลง
- วัณโรคผิวหนัง: มักเกิดจากการรับเชื้อวัณโรคเข้าทางบาดแผลโดยตรง รอยโรคเป็นได้ตั้งแต่ปื้นแดงหนามีสะเก็ดคลุม แผลแฉะเรื้อรัง ไปจนถีงตุ่มแข็งคล้ายหูด ขนาดของรอยโรคจะกินบริเวณกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
- วัณโรคลำไส้: ปวดท้องเรื้อรัง ท้องเสีย หรือถ่ายเป็นเลือด
- วัณโรคเยื่อบุช่องท้อง: ไข้สูง ปวดท้องรุนแรงโดยเฉพาะเวลาขยับตัว จนต้องเกร็งหน้าท้องไว้ตลอดเวลา
วัณโรคอาจเกิดที่อวัยวะอื่น เช่น ไต กระเพาะปัสสาวะ มดลูก รังไข่ เยื่อหุ้มหัวใจ เป็นต้น แม้พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงได้
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยที่ชัดเจนที่สุดคือการเพาะเชื้อวัณโรคจากตัวอย่าง แต่ใช้เวลานานถึง 3-6 เดือน ในทางปฏิบัติจึงอาศัยการย้อมเชื้อ การตรวจชิ้นเนื้อ หรือการพิจารณาอาการทางคลินิก แม้บางครั้งไม่พบเชื้อ แต่หากสงสัยมากก็อาจต้องให้การรักษาทันทีเพื่อป้องกันความรุนแรงและการแพร่กระจาย
แต่ก็ควรระลึกอยู่เสมอว่าการย้อม Acid-Fast หรือการตรวจชิ้นเนื้อพบ granulomatous inflammation, caseous necrosis ไม่จำเพาะต่อเชื้อวัณโรคเท่านั้น เชื้อโรคในกลุ่ม Mycobacterium หรือเชื้อในกลุ่มอื่น หรือแม้แต่โรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อก็สามารถให้ผลการย้อมหรือผลทางพยาธิวิทยาคล้ายคลึงกับวัณโรคได้ หากรักษาไปสัก 2-3 เดือน อาการไม่ดีขึ้น ควรตรวจหาโรคอื่นด้วย
การรักษา
การรักษาวัณโรคต้องใช้ยาร่วมกันหลายขนาน และรับประทานเป็นเวลานานพอสมควร เพื่อกำจัดเชื้อให้เร็วที่สุดและป้องกันการดื้อยา สูตรมาตรฐานที่ใช้กันคือ "2HRZE + 4HR" ได้แก่:
- ระยะเข้มข้น 2 เดือน: Isoniazid (H), Rifampicin (R), Pyrazinamide (Z), Ethambutol (E)
- ระยะต่อเนื่อง 4 เดือน: Isoniazid (H), Rifampicin (R)
ระยะเวลาและสูตรยาขึ้นกับตำแหน่งโรคและผลการตอบสนอง ผู้ป่วยต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา
ผลข้างเคียงของยา ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่:
- ตับอักเสบ (Isoniazid, Rifampicin, Pyrazinamide)
- ผื่นแพ้ยาและผิวหนังลอก (ยาได้ทุกตัว)
- ชาปลายมือปลายเท้า (Isoniazid – แก้โดยให้วิตามินบี 6 ควบคู่ไปด้วย)
- สายตาพร่ามัวหรือแยกสีไม่ได้ (Ethambutol)
- หูหนวก มึนศีรษะ การทรงตัวผิดปกติ (Streptomycin)
- ปวดข้อ (Pyrazinamide)
หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ ไม่ควรรอถึงวันนัดถัดไป
พยากรณ์โรค
หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและครบถ้วน ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายขาดได้ แต่หากรักษาไม่ต่อเนื่อง มีโอกาสเกิดเชื้อดื้อยา ทำให้รักษายากขึ้นและอัตราตายสูงขึ้น วัณโรคปอดมักทิ้งร่องรอยเป็นพังผืดหรือโพรงในปอด ส่วนวัณโรคที่สมองหรือกระดูกอาจทำให้เกิดความพิการถาวรได้
การป้องกัน
วัคซีน BCG เป็นมาตรการป้องกันวัณโรคที่สำคัญ ใช้ในเด็กแรกเกิดทุกคน และในนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน แม้ว่าประสิทธิภาพการป้องกันจะแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค (0-80% ภายใน 15 ปี) แต่ยังคงเป็นวัคซีนมาตรฐานในประเทศไทย
สรุป
วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่สำคัญ เกิดจากเชื้อ Mycobacterium tuberculosis ติดต่อผ่านการหายใจและสามารถเกิดได้หลายอวัยวะ อาการมักค่อยเป็นค่อยไป การวินิจฉัยที่แน่นอนทำได้ยากจึงต้องอาศัยการประเมินร่วมหลายด้าน การรักษาต้องใช้ยาหลายขนานและนานพอสมควรเพื่อป้องกันการดื้อยา วัคซีน BCG เป็นมาตรการสำคัญในการป้องกัน ส่วนพยากรณ์โรคขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ป่วยในการรักษาและการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง