เชื้อรา
เชื้อราจัดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง (Eukaryote) แต่ไม่มีคลอโรฟิลล์ สามารถมีรูปร่างเป็นเซลล์เดี่ยวกลมคล้ายยีสต์ (Yeast) เป็นเส้นใย (Mycelium, Hyphae) หรืออยู่ได้ทั้งสองรูปแบบ (Dimorphic fungi) เชื้อราดำรงชีวิตโดยการย่อยสลายซากพืชและสัตว์ และแพร่พันธุ์ด้วยสปอร์ ปัจจุบันมีเชื้อรามากกว่า 200,000 สายพันธุ์ แต่มีเพียงประมาณ 300 ชนิดเท่านั้นที่ทำให้เกิดโรคในคน
โรคที่เกิดจากเชื้อรามีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
- ปฏิกิริยาแพ้ต่อสารหรือสปอร์ของเชื้อรา
- พิษจากเชื้อราบางชนิด เช่น เห็ดพิษ (เห็ดก็จัดอยู่ในอาณาจักรเชื้อรา)
- การติดเชื้อรา ซึ่งหมายถึงการที่เชื้อราสามารถเจริญเติบโตภายในร่างกายมนุษย์ได้ โดยแบ่งย่อยได้เป็น
- การติดเชื้อระดับผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน พบได้บ่อยในคนทั่วไปโดยเฉพาะเมื่อสุขอนามัยไม่ดี
- การติดเชื้อในระดับลึก พบน้อยในคนปกติ แต่หากพบมักสัมพันธ์กับโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เบาหวาน เอดส์ โรคเลือด โรคตับ โรคไต เป็นต้น
ชนิดของเชื้อรา
เชื้อราสามารถแบ่งตามลักษณะรูปร่างและการเจริญเติบโตได้ 4 กลุ่ม ดังนี้
- ยีสต์ (Yeast) เป็นเชื้อราเซลล์เดียว รูปร่างกลม ขนาดเล็ก โตเร็ว แพร่พันธุ์โดยการแตกหน่อ สามารถเพาะบนอาหารเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียได้ภายใน 24–48 ชั่วโมง โคโลนีมักดูคล้ายแบคทีเรีย ตัวอย่างที่ทำให้เกิดโรคในคน ได้แก่ Candida และ Cryptococcus
- ราสาย (Filamentous fungi) เป็นเชื้อราหลายเซลล์ ลักษณะเป็นเส้นใย แผ่กระจายพันกัน โตช้ากว่ายีสต์ แต่สามารถเจริญจนเป็นก้อนใหญ่ แพร่พันธุ์ด้วยสปอร์ มักเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลที่สัมผัสดินหรือทราย ทำให้เกิดโรคของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่รักษายาก โรคของราสายกลุ่มนี้ยังแบ่งย่อยออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
- Chromoblastomycosis เป็นโรคที่อยู่เฉพาะที่ ไม่ลุกลาม ทำให้เกิดก้อนตะปุ่มตะป่ำที่ผิวหนัง แต่รักษายาก มี 3 สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคในลักษณะนี้ คือ Fonsecaea pedrosoi, Cladosporium carrionii, Phialophora verrucosa
- Mycetoma โรคมัยเซโตมามีลักษณะเฉพาะคือ เป็นก้อนเชื้อราที่สร้างทางเชื่อมให้หนองไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เชื้อสามารถลุกลามถึงกระดูก รักษายาก เพาะเชื้อได้ใน 7–10 วัน โคโลนีมีสีต่าง ๆ กันเช่นเดียวกับละอองสปอร์ ตัวอย่างเชื้อ เช่น Madurella mycetomatis, Exophiala jeanselmei, Pseudallescheria boydii
- Mucormycosis เป็นโรคที่เชื้อชอบที่จะแทรกซึมเข้าหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดแดง ทำให้โรคลุกลามสู่อวัยวะต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ที่พบบ่อยมี 3 สายพันธุ์ คือ Rhizopus spp., Mucor spp., Absidia spp. เชื้อกลุ่มนี้โตเร็ว ภายใน 24–48 ชั่วโมงจะเห็นโคโลนีสีขาวคล้ายปุยฝ้าย เพราะมันอยู่กันอย่างหลวม ๆ
- แอสเปอร์จิลลัส (Aspergillus) เป็นเชื้อราหลายเซลล์ มีลักษณะเด่นคือเส้นใยแตกแขนงทำมุม 45 องศา และสปอร์มีรูปร่างคล้ายดอกไม้ (รูปขวามือ) เป็นเชื้อราสำคัญที่ก่อโรคในปอด ทั้งแบบภูมิแพ้และการติดเชื้อ โคโลนีใช้เวลาเพาะนาน 1-3 สัปดาห์
- ราสองรูป (Dimorphic fungi) เป็นเชื้อราที่สามารถปรับรูปร่างตามสภาพแวดล้อมได้ ในดินจะอยู่ในรูปเส้นใย แพร่พันธุ์ด้วยสปอร์ แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะเปลี่ยนเป็นยีสต์และแบ่งตัวโดยการแตกหน่อ ตัวอย่างเชื้อ ได้แก่ Blastomyces dermatitidis, Histoplasma capsulatum, Coccidioides immitis, Paracoccidioides brasiliensis, Sporothrix schenckii มักทำให้เกิดการติดเชื้อหลายระบบ
ยาต้านเชื้อราในคน
เนื่องจากเชื้อราและมนุษย์ต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง มีโครงสร้างเซลล์ที่คล้ายกัน เช่น ไมโตคอนเดรีย นิวเคลียส เยื่อหุ้มเซลล์ และสภาพแวดล้อมภายในเซลล์ก็ใกล้เคียงกัน เยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อราและของคนก็มีส่วนประกอบของชั้นไขมันคล้ายกัน (เว้นแต่เชื้อรามีผนังเซลล์ที่แข็งแรงจากไคตินและโพลีแซคคาไรด์เหมือนพืช) ดังนั้นยาที่ใช้ทำลายเชื้อราจึงอาจส่งผลข้างเคียงต่อเซลล์มนุษย์ได้ด้วย การใช้ยาต้านเชื้อราจึงต้องระมัดระวังเรื่องขนาดยา และมักต้องใช้เวลารักษานานกว่ายาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าแบคทีเรียทั่วไป
สรุป
เชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ มีทั้งชนิดที่ไม่ก่อโรคและชนิดที่สามารถทำให้เกิดโรคในคน การติดเชื้อราส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่หากเกิดในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจรุนแรงและยากต่อการรักษาได้ การจำแนกชนิดของเชื้อรามีความสำคัญต่อการวินิจฉัยและเลือกใช้ยาที่เหมาะสม เนื่องจากยาต้านเชื้อรามีผลข้างเคียงและต้องใช้เวลารักษานานกว่าการติดเชื้อแบคทีเรีย การดูแลสุขอนามัย การหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยง และการรักษาโรคประจำตัวที่บั่นทอนภูมิคุ้มกัน ล้วนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและลดความรุนแรงของโรคจากเชื้อรา