โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus) ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรคเช่นเดียวกับไข้เลือดออก อาการเด่นคือ ไข้สูงและปวดข้ออย่างรุนแรง ชื่อ "ชิคุนกุนยา" มาจากภาษา Kimakonde ในแทนซาเนีย มีความหมายว่า "สิ่งที่งอตัว" (that which bends up) ซึ่งสื่อถึงลักษณะของผู้ป่วยที่ปวดข้อจนไม่สามารถยืนตัวตรงได้
โรคชิคุนกุนยาพบได้ในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกา อินเดีย และอเมริกาใต้ รวมถึงประเทศไทยซึ่งมีการระบาดเป็นระยะ ๆ โดยมักพบการระบาดในช่วงฤดูฝน เนื่องจากมีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายมากขึ้น กลุ่มเสี่ยงที่พบได้บ่อยคือเด็กและผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น
อาการของโรค
อาการมักจะปรากฏภายใน 2-7 วันหลังจากถูกยุงที่มีเชื้อกัด อาการที่พบบ่อยได้แก่:
- ไข้สูงฉับพลัน: มักมีไข้สูงกว่า 39-40°C นานประมาณ 2-4 วัน ส่วนใหญ่ไข้จะลดลงเร็วกว่าไข้เลือดออก
- ปวดข้ออย่างรุนแรง: เป็นอาการที่เด่นที่สุด มักจะปวดหลายข้อพร้อมกัน โดยเฉพาะข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า และข้อนิ้ว
- ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามตัว
- ผื่นแดง: ผื่นมักจะขึ้นเมื่อไข้เริ่มลด อาจมีลักษณะเป็นจุดหรือปื้นแดงๆ อาจพบได้ทั่วร่างกาย เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยในชั้นผิวหนัง ไม่มีลักษณะเป็นจุดเลือดออกที่เกิดจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำอย่างรุนแรง
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ตาแดงหรืออาการคล้ายเยื่อบุตาอักเสบ
อาการปวดข้ออาจเป็นอยู่นานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แม้ไข้จะหายแล้วก็ตาม
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคชิคุนกุนยาอาศัยการซักประวัติอาการ การตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยใช้การตรวจหาไวรัสด้วยวิธี RT-PCR ในระยะต้นของโรค หรือการตรวจหาภูมิคุ้มกัน IgM และ IgG ในเลือดเพื่อยืนยันการติดเชื้อ
การวินิจฉัยแยกโรคจากไข้เลือดออก (Dengue)
ลักษณะ |
ชิคุนกุนยา |
ไข้เลือดออก (Dengue) |
อาการเด่น |
ไข้สูง + ปวดข้อรุนแรง |
ไข้สูง + ปวดศีรษะ + ปวดกระบอกตา |
ผื่น |
กดแล้วปล่อยจะจาง เกิดจากเส้นเลือดฝอยขยายตัว พบได้บ่อยในช่วงไข้ลด ผื่นขึ้นได้ทั้งตัว |
กดแล้วปล่อยจะไม่จาง เพราะเป็นจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง พบบ่อยเช่นกัน มักพบที่หน้าแข้ง ข้อพับแขน |
ภาวะเลือดออกผิดปกติ |
พบน้อยมาก เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน |
พบได้บ่อย เป็นอาการสำคัญ อาจพบจุดเลือดออกตามผิวหนัง เลือดออกในทางเดินอาหาร |
อาการช็อก |
ไม่พบ |
เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง มักเกิดก่อนไข้ลงประมาณ 1 วัน |
การตรวจ CBC |
มักไม่พบเกล็ดเลือดต่ำรุนแรง |
เกล็ดเลือดต่ำเด่นชัด |
การฟื้นตัว |
อาการปวดข้ออาจคงอยู่นานเป็นสัปดาห์ถึงเดือน |
อาการดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ |
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสจำเพาะสำหรับชิคุนกุนยา การรักษาจึงเป็นแบบประคับประคอง ได้แก่ การให้ยาลดไข้ (ควรใช้ paracetamol หลีกเลี่ยงการใช้ aspirin หรือ NSAIDs เพราะเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออก) การพักผ่อนให้เพียงพอ และการดื่มน้ำมาก ๆ
สำหรับอาการปวดข้อเรื้อรัง อาจใช้ยาลดอักเสบที่แพทย์แนะนำ หรือทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อ
พยากรณ์โรค
โรคชิคุนกุนยาไม่ค่อยทำให้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1–2 สัปดาห์ แต่อาการปวดข้ออาจคงอยู่เป็นเดือนถึงปี โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
การป้องกัน
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ได้รับการรับรองสำหรับป้องกันโรคชิคุนกุนยาโดยเฉพาะ การป้องกันโรคชิคุนกุนยาคือการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก โดยวิธีสำคัญ ได้แก่:
- กำจัดแหล่งน้ำขังรอบบ้านเพื่อไม่ให้ยุงวางไข่
- ใส่เสื้อผ้ามิดชิดเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง
- ใช้มุ้งหรือมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงกัด
- ใช้สารไล่ยุงหรือสเปรย์กันยุง
สรุป
โรคชิคุนกุนยาเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านยุงลาย อาการสำคัญคือไข้สูงและปวดข้อรุนแรง การวินิจฉัยแยกโรคออกจากไข้เลือดออกมีความสำคัญ เนื่องจากแนวทางการรักษาต่างกัน แม้โรคนี้มักไม่รุนแรงถึงชีวิต แต่สามารถก่อให้เกิดอาการปวดข้อเรื้อรังที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดและการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงจึงเป็นมาตรการสำคัญที่สุด