โรคบาบีซิโอสิส (Babesiosis)
โรคบาบีซิโอสิส (Babesiosis) เกิดจากโปรโตซัวในจีนัส Babesia มีเห็บเป็นพาหะนำโรค ทำให้เกิดโรคทั้งในคนและสัตว์มีกระดูกสันหลังหลายชนิด เช่น วัว ควาย แกะ แมว สุนัข กวาง และสัตว์ฟันแทะ ในคนพบการระบาดมากบริเวณยุโรปและอเมริกาเหนือ อาการคล้ายกับไข้มาลาเรีย คือเชื้อทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ตัวเหลือง และอาจนำไปสู่ไตวายได้
พยาธิสภาพ
เมื่อคนหรือสัตว์ถูกเห็บที่มีเชื้อกัด เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดและอาจคงอยู่ได้นานหลายเดือนโดยไม่แสดงอาการ เชื้อ Babesia จะเข้าไปเพิ่มจำนวนในเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก จากนั้นแพร่เข้าสู่เม็ดเลือดแดงอื่น ๆ ต่อไป หากผู้ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่ดี ม้ามจะช่วยกำจัดเม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อ ทำให้ไม่เกิดอาการเด่นชัด
อาการของโรค
คนที่ติดเชื้อนี้จะมีตั้งแต่ไม่มีอาการอะไรเลยไปจนถึงมีอาการรุนแรงเป็นเวลานาน ๆ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ที่ค่อย ๆ เป็น และไม่เป็นเวลา อาจมีอาการสั่น เหงื่อออก ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ความรุนแรงของโรคมักไม่คงที่ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะจำไม่ได้ว่าโดนเห็บกัด
อาการเหล่านี้อาจเป็น ๆ หาย ๆ อยู่นานเป็นเดือน ตับและม้ามจะค่อย ๆ โตขึ้น และพบอาการเหลืองที่ตา ไม่ค่อยพบอาการปัสสาวะเป็นสีดำ ตรวจเลือดจะพบภาวะซีด และตัวเชื้ออยู่ในเม็ดเลือดแดง ซึ่งต้องแยกให้ดีกับเชื้อมาลาเรีย เชื้อบาบีเซียจะไม่เม็ดสีในเม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อเหมือนมาลาเรีย และในระยะแบ่งตัวจะพบ daughter cells รูปกระสวย 2-4 ตัวอยู่รวมกันในเม็ดเลือดแดงเม็ดเดียว
ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีปัญหาไตวาย โอกาสเสียชีวิตค่อนช้างสูง
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคบาบีซิโอสิสทำได้โดย
- การตรวจเลือดโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ พบเชื้อ Babesia ภายในเม็ดเลือดแดง
- การตรวจแยกโรคจากมาลาเรีย โดยดูว่ามีการขาดเม็ดสี (pigment) ในเม็ดเลือดแดง
- การตรวจ PCR เพื่อยืนยันสายพันธุ์เชื้อ
- การตรวจทางซีรั่มวิทยา (serology) ในบางกรณี
การรักษา
เชื้อบาบีเซียมีความดื้อต่อยาฆ่าโปรโตซัวที่ใช้ในคนทั่วไป ส่วนใหญ่ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันกำจัดเชื้อได้เอง การรักษามุ่งเน้นการประคับประคองอาการ ได้แก่
- หากมีภาวะซีดรุนแรง อาจต้องเปลี่ยนถ่ายเลือด
- ถ้ามีภาวะไตวาย ต้องทำการล้างไตเป็นระยะ
- ในรายรุนแรงบางราย อาจพิจารณาใช้ยาต้านโปรโตซัวร่วมกับยาปฏิชีวนะบางชนิด (เช่น atovaquone ร่วมกับ azithromycin)
การป้องกัน
การป้องกันโรคบาบีซิโอสิสทำได้โดยหลีกเลี่ยงการถูกเห็บกัด โดยเฉพาะเมื่อเดินทางหรือทำกิจกรรมในพื้นที่ที่มีการระบาด เช่น ป่า หรือทุ่งหญ้า วิธีที่ควรปฏิบัติ ได้แก่
- สวมเสื้อผ้าแขนยาวขายาว และสีอ่อนเพื่อสังเกตเห็บได้ง่าย
- ใช้สารไล่แมลงหรือสารกันเห็บ
- ตรวจร่างกายและเสื้อผ้าทุกครั้งหลังกลับจากพื้นที่เสี่ยง
- ดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ให้มีเห็บติดตัว
สรุป
โรคบาบีซิโอสิสเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว Babesia มีเห็บเป็นพาหะนำโรค อาการมีตั้งแต่ไม่แสดงอาการจนถึงรุนแรงถึงชีวิต อาการคล้ายมาลาเรียแต่มีความแตกต่างสำคัญในการตรวจเลือด การรักษาส่วนใหญ่เน้นการประคับประคอง เนื่องจากร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เอง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการถูกเห็บกัด
ผู้ที่อาศัยหรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ