โรคบิดไม่มีตัว (Shigellosis)

โรคบิดไม่มีตัวเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Shigella ซึ่งเป็นแบคทีเรียแกรมลบ เชื้อจะออกมากับอุจจาระของผู้ป่วย คนติดโรคโดยการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อนี้ปะปนเข้าไป โดยเชื้ออาจติดไปกับมือของผู้ทำอาหารหรือแมลงวันที่มาตอมอาหาร

ที่ได้ชื่อว่าโรคบิดไม่มีตัวนี้อาจเป็นเพราะโรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้ใหญ่และถ่ายเป็นมูกเลือดเหมือนโรคบิดมีตัว แต่เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุมีขนาดเล็กกว่าโปรโตซัวอะมีบ้ามาก มองไม่เห็นตัวเชื้อจากพยาธิวิทยาจึงเรียกว่า 'บิดไม่มีตัว'

อาการของโรค

อาการมักเกิดขึ้นหลังรับเชื้อเข้าไปประมาณ 1-5 วัน (ส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 วัน) และแบ่งเป็นแบบไม่รุนแรงและรุนแรง ผู้ป่วยมักเริ่มมีไข้และปวดท้องก่อนเกิดอาการท้องเสีย ไข้มักสูงและมาอย่างฉับพลัน ในเด็กเล็กอาจมีอาการชักจากไข้ได้ก่อนเกิดอาการท้องเสีย โดยทั่วไปไม่ค่อยพบอาการอาเจียน

อาการท้องเสียของโรคบิดไม่มีตัวมีลักษณะถ่ายบ่อยแต่ครั้งละน้อย วันหนึ่งอาจถ่ายมากถึง 20-30 ครั้ง ร่วมกับอาการปวดเบ่งถ่ายไม่สุด ช่วงแรกอุจจาระเป็นน้ำหรือเหลว ต่อมาจะมีมูกเลือดเหนียวสีแดงสดออกมา ซึ่งเป็นส่วนของผนังลำไส้ใหญ่ที่อักเสบและหลุดลอกออกมา หากเป็นรุนแรงอาจพบเนื้อเยื่อของผนังลำไส้ที่ตายปนออกมากับอุจจาระ

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบ ได้แก่ เยื่อบุตาอักเสบทำให้ตาแดง ม่านตาอักเสบทำให้ตาเคืองและน้ำตาไหล ข้ออักเสบของข้อเล็ก ๆ เช่น นิ้วมือหรือนิ้วเท้า และปลายประสาทอักเสบที่ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า

การวินิจฉัย

ในระยะแรกที่ผู้ป่วยมีไข้และปวดท้องก่อนท้องเสีย ต้องแยกโรคออกจากภาวะอื่น เช่น ไส้ติ่งอักเสบ หรือภาวะลำไส้กลืนกันในเด็กเล็ก เมื่อเกิดอาการท้องเสียแล้วจึงตรวจอุจจาระเพื่อหาเชื้อ

อุจจาระของผู้ป่วยโรคบิดไม่มีตัวจะมีมูกเลือด แต่ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าแบบโรคบิดมีตัว และไม่พบเชื้ออะมีบา แต่จะพบเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก การเพาะเชื้อจะพบเชื้อ Shigella ภายใน 3 วัน

ในระหว่างที่รอผลเพาะเชื้อต้องนึกถึงโรคลำไส้อักเสบอื่นที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแต่ทำให้มีไข้และถ่ายเป็นมูกเลือดได้ เช่น โรค ulcerative colitis



การรักษา

ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงมักหายได้เองภายใน 7-10 วัน แม้ไม่ได้รับยาปฏิชีวนะ แต่การรักษาที่สำคัญคือการให้น้ำและเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ พร้อมทั้งให้ยาลดไข้และยาแก้อาการเกร็งลำไส้

ในรายที่มีอาการรุนแรง แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ โดยควรให้ต่อเนื่องอย่างน้อย 5 วัน เนื่องจากเชื้อ Shigella มีอัตราการดื้อยาค่อนข้างสูง

ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษา ได้แก่

  • Ciprofloxacin – ใช้เป็นยาหลักในผู้ใหญ่
  • Ceftriaxone – เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เชื้อดื้อต่อยาฟลูออโรควิโนโลน
  • Azithromycin – ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นทางเลือกในกรณีที่ไม่สามารถใช้ฟลูออโรควิโนโลนได้
  • Trimethoprim-sulfamethoxazole (TMP-SMX) หรือ Ampicillin – ปัจจุบันเชื้อดื้อยาสูง จึงใช้เมื่อผลเพาะเชื้อแสดงว่ายังไวต่อยาเท่านั้น

การเลือกยาปฏิชีวนะควรพิจารณาตามผลเพาะเชื้อและการดื้อยาในพื้นที่ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีป้องกัน

  • รักษาความสะอาดของอาหารและน้ำดื่ม
  • แยกซักเสื้อผ้าและผ้าที่เปื้อนอุจจาระของผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง
  • ผู้ที่มีอาการท้องเสียไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ไม่ควรปรุงอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน

สรุป

โรคบิดไม่มีตัวเป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำที่เกิดจากเชื้อ Shigella มีอาการสำคัญคือท้องเสียบ่อยครั้ง ร่วมกับถ่ายเป็นมูกเลือดและมีไข้สูง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ตาอักเสบ ข้ออักเสบ หรือปลายประสาทอักเสบได้ การรักษาหลักคือการให้น้ำเกลือแร่ ยาลดไข้ และยาปฏิชีวนะในรายที่รุนแรง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยของอาหาร น้ำดื่ม และการล้างมืออย่างถูกวิธี เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ