โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
ไซนัส คือ โพรงอากาศที่อยู่ในกระดูกของกะโหลกศีรษะ มีหน้าที่ช่วยทำให้ศีรษะเบาขึ้นและทำให้เสียงมีความกังวาน ไซนัสมีทั้งหมด 4 คู่ ได้แก่ Frontal (หน้าผาก), Ethmoid (ข้างดั้งจมูก), Sphenoid (บริเวณใต้ฐานกะโหลกศีรษะ) และ Maxillary (ข้างแก้ม) โดยในเด็กเล็ก ไซนัส Frontal และ Sphenoid จะยังไม่พัฒนาเต็มที่
ผนังของไซนัสบุด้วยเยื่อบุที่ผลิตน้ำมูกเหนียวใส ช่วยกวาดล้างฝุ่นและเชื้อโรค และมีขนอ่อนคอยโบกพัดให้น้ำมูกไหลลงทางโพรงจมูก รูระบายของ Maxillary ไซนัสไม่ได้อยู่ที่ก้นของไซนัส แต่อยู่สูงขึ้นมาเล็กน้อย จึงเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างให้ขนอ่อนเล็ก ๆ สามารถพัดสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกได้ และทำให้โพรงไซนัสของเราสะอาดอยู่เสมอ หากขนอ่อนทำงานผิดปกติ หรือรูระบายของไซนัสอุดตัน จะทำให้น้ำมูกคั่งค้าง เป็นแหล่งสะสมและเจริญเติบโตของเชื้อโรค ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา
โรคไซนัสอักเสบ คือ การอักเสบของเยื่อบุโพรงไซนัสจากการติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นเพียงโพรงเดียวหรือหลายโพรงพร้อมกัน หากการติดเชื้อเป็นซ้ำหรือยืดเยื้อ จะทำให้เยื่อบุไซนัสถูกทำลายจนกลายเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดไซนัสอักเสบ ได้แก่
- การอุดตันของทางระบายไซนัส เช่น หวัด ภูมิแพ้ เนื้องอก ริดสีดวง ผนังกั้นจมูกคด ต่อมอดีนอยด์โต หรือมีสิ่งแปลกปลอมในจมูก
- ความผิดปกติของขนอ่อน เช่น โรคซีสติกไฟโบรสิส, Kartagener syndrome, ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง, การใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์
- ปัจจัยที่ทำให้การถ่ายเทอากาศไม่ดี เช่น การว่ายน้ำ ดำน้ำ การใช้ยาพ่นจมูกมากเกินไป หรือใส่สายยางทางจมูก
- ปัจจัยที่ทำให้การถ่ายเทอากาศไม่ดี เช่น การว่ายน้ำ ดำน้ำ การใช้ยาพ่นจมูกมากเกินไป หรือใส่สายยางทางจมูก
- การติดเชื้อใกล้เคียง เช่น การติดเชื้อฟัน หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน
แม้หลายปัจจัยเสี่ยงจะป้องกันได้ แต่บางโรคไม่สามารถรักษาให้หายขาด ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงมักเกิดไซนัสอักเสบซ้ำบ่อย ๆ
อาการของโรค
อาการแบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ
- ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (acute sinusitis) อาการเป็นมาไม่เกิน 1 เดือน
อาการมักเกิดตามหลังไข้หวัดหรือการกำเริบของภาวะภูมิแพ้ โดยผู้ป่วยจะมีน้ำมูกอยู่นานเกิน 10 วัน ระยะนี้เชื้ออาจเป็นไวรัสหรือแบคทีเรียก็ได้ หากเป็นแบคทีเรียสีของน้ำมูกจะกลายเป็นสีเหลืองแกมเขียวคล้ายหนอง บางรายจะรู้สึกมีน้ำมูกไหลลงคอ ทำให้ต้องไอ ไข้จะค่อย ๆ กลับมา แต่ไม่สูงมาก ประมาณ 38-39°C รู้สึกจมูกตัน ต้องหายใจทางปาก ปวดศีรษะและบริเวณใบหน้าตามตำแหน่งของโพรงไซนัสที่อักเสบ
ลองใช้นิ้วกดบริเวณใบหน้าตรงตำแหน่งของไซนัสดูจะช่วยบอกได้ว่าตรงนั้นเจ็บหรือไม่
- ถ้าเป็น Frontal ไซนัส (A) จะปวดบริเวณหน้าผากเหนือคิ้ว
- ถ้าเป็น Sphenoid ไซนัสอักเสบ (B) มักปวดลึก ๆ บริเวณหลังลูกตา
- ถ้าเป็น Ethmoid ไซนัส (C) จะมีอาการปวดรอบ ๆ ลูกตา
- ถ้าเป็น Maxillary ไซนัส (D) มักกดเจ็บหรือปวดบริเวณโหนกแก้มหรือฟันบน
ในเด็กมักไม่มีอาการปวดศีรษะหรือปวดตามใบหน้า อาการสำคัญคือ ไอ เป็นไข้ และน้ำมูกข้น
- ไซนัสอักเสบกึ่งเฉียบพลัน (subacute sinusitis) อาการเป็นมานาน 1-2 เดือน
อาการจะเหมือนไซนัสอักเสบเฉียบพลันแต่เบากว่า
- ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (chronic sinusitis) อาการเป็นมานานกว่า 2 เดือน
อาการจะไม่รุนแรงมาก แต่เป็นเรื้อรัง ไม่ค่อยมีไข้ อาการทางจมูกได้แก่ คัดจมูกน้ำมูกไหล, เวลาพูดมีเสียงตื้อ ๆ ไม่กังวาน น้ำมูก อาจมีทั้งใสและเขียว บางรายมีกลิ่นเหม็น การได้กลิ่นอาจผิดปกติ เช่น ไม่ค่อยรู้สึกกลิ่น หรือมีกลิ่นมากไป ในเด็กที่มีน้ำมูกข้นนานเป็นเดือน มักมีสาเหตุจากไซนัสอักเสบ
อาการอื่น ๆ ที่ช่วยชี้นำว่าจะเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังคือ อาการแน่นหรือไม่สบายบริเวณหน้าตรงตำแหน่งของไซนัสที่เป็น ไอมีเสมหะลงคอ แน่นหู หูอื้อ ปวดหู หรือมีเสียงรบกวนในหู อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ โดยผู้ป่วยเหล่านี้มักมีโรคภูมิแพ้ ฟันผุ หรือเคยเป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลันมาก่อน หรือมีเนื้องอกในจมูก
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ การติดเชื้อกระดูก รอบเบ้าตา เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และฝีในสมอง ซึ่งเป็นภาวะที่ร้ายแรง
การวินิจฉัยโรค
โรคไซนัสอักเสบวินิจฉัยจากอาการและการตรวจร่างกายเป็นหลัก โดยแพทย์จะถ่างรูจมูกเพื่อดูว่ามีการบวม, หนอง, เนื้องอก, หรือการผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่ จากนั้นจะตรวจทางด้านหลังของจมูกโดยใช้ไม้กดลิ้นและกระจกเล็ก ๆ ลนไฟให้ปลอดเชื้อส่องดูในคอด้านหลังช่องปากว่ามีหนองหรือคราบของหนองหรือไม่ ถ้ามีก็จะเก็บหนองไปย้อมและเพาะหาเชื้อ แล้วจะตรวจหาตำแหน่งที่กดเจ็บบริเวณใบหน้าและไซนัส แพทย์ทางหูคอจมูกโดยตรงอาจทำการตรวจด้วยกล้องส่องจมูก (rhinoscopy) เพื่อดูตามรูเปิดของไซนัส
การเอกซเรย์ไซนัสธรรมดาจะเห็นชัดเพียง Frontal และ Maxillary ไซนัสเท่านั้น ลักษณะที่สนับสนุนโรคไซนัสอักเสบเฉียบพลันคือพบระดับของหนองในโพรงไซนัส, ไซนัสทึบไปทั้งข้าง, และผนังของโพรงหนากว่า 4 มม. แต่ความผิดปกติดังกล่าวพบได้ค่อนข้างน้อยในภาพเอกซเรย์ธรรมดา และการแปลผลก็ยาก ต้องอาศัยรังสีแพทย์ที่ชำนาญ นอกจากนั้น ในทารกวัยน้อยกว่า 1 ขวบ โพรงไซนัสยังไม่พัฒนาดี การเอกซเรย์ไซนัสธรรมดาจึงมักไม่ได้ประโยชน์
ปัจจุบัน CT และ MRI เข้ามามีบทบาทในการวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบมากกว่าการเอกซเรย์ไซนัสธรรมดา เพราะเห็นชัดทั่วทุกไซนัส และสามารถดูภาวะการติดเชื้อของกระดูกหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ จากไซนัสอักเสบได้ด้วย แต่เนื่องจากการตรวจยังมีราคาแพงมาก จึงยังไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายในรายที่อาการไม่รุนแรง
ภาวะภูมิแพ้ของจมูก (allergic rhinitis) ที่เป็นอยู่นาน ๆ จะแยกจากโรคไซนัสอักเสบจากไวรัสค่อนข้างยาก เพราะมีน้ำมูกใสเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ภาวะภูมิแพ้มักมีอาการจามและคันจมูกร่วมด้วย และมักมีอาการเฉพาะเวลาที่ได้สัมผัสกับสิ่งที่แพ้
การรักษา
แนวทางการรักษาประกอบด้วยการใช้ยา การล้างจมูก และการผ่าตัด
- การใช้ยา
ไซนัสอักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เพียงใช้ยาลดไข้ แก้ปวด ลดคัดจมูก (nasal decongestant) และยาลดความเหนียวของน้ำมูกก็เพียงพอ ร่วมกับการสั่งน้ำมูกออกเสมอ ไม่สูดกลับเข้าไป ก็สามารถหายได้
หากมีไข้และน้ำมูกเขียว มักเกิดจากแบคทีเรีย เช่น Streptococcus pneumoniae, Haemophilus influenzae, Moraxella catarrhalis ในระยะเรื้อรังอาจพบ Staphylococcus aureus, Streptococcus pyogenes, เชื้อไม่ใช้ออกซิเจน และเชื้อรา ในช่วงแรกที่ผลการเพาะเชื้อยังไม่ออกการย้อมสีดูลักษณะของเชื้อจะช่วยบอกทิศทางของยาที่ควรใช้
การให้ยาปฏิชีวนะขึ้นอยู่กับระยะของโรค: เฉียบพลัน 7-10 วัน, กึ่งเฉียบพลัน 10-14 วัน, เรื้อรัง 2-3 สัปดาห์ ในเด็กที่อาการรุนแรงอาจต้องเริ่มด้วยยาฉีดในโรงพยาบาล เมื่ออาการจะดีขึ้นจึงค่อยเปลี่ยนเป็นยากินต่อจนครบ 10 วัน
- การล้างจมูกและไซนัส
ผู้ป่วยสามารถล้างจมูกเองด้วยตัวเองโดยใช้ลูกยางบีบน้ำเกลือพ่นล้างในจมูก ดังรูป วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยลดน้ำมูกข้น อาจใช้น้ำเกลือที่ขายตามร้านขายยา หรือผสมเองโดยใช้น้ำอุ่น 8 ออนซ์ ผสมกับเกลือ 1/4 ช้อนชา และผงฟู (baking soda, sodium bicarbonate) 1/4 ช้อนชา
ในเด็กแพทย์อาจใช้เครื่องดูดเสมหะ โดยให้เด็กนอนแหงนหน้ามาก ๆ และหายใจทางปาก แล้วใส่น้ำยาล้าง (น้ำเกลือผสมยาลดการบวมของเยื่อจมูกและไซนัส)
การล้างไซนัสโดยตรงอาจใช้กับโพรงของ Maxillary โดยแพทย์จะเจาะผนังไซนัสผ่านทางจมูก ตรงรูเปิดธรรมชาติของไซนัส แล้วใช้น้ำยาล้าง แต่โพรงอื่น ๆ ไม่อาจล้างด้วยวิธีนี้ได้
- การผ่าตัด
ใช้ในรายที่มีริดสีดวงจมูก เนื้องอก หรือไซนัสอักเสบเรื้อรังที่รักษาด้วยยาไม่หาย อาจใช้กล้องส่องจมูกเพื่อเปิดทางระบาย หรือผ่าตัดเปิดโพรงไซนัสใหม่ตามความเหมาะสม
โรคไซนัสอักเสบรักษาให้หายได้ง่าย แต่ปัญหาคือการกลับเป็นซ้ำ โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่สามารถกำจัดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคออกไปได้ การกลับเป็นซ้ำบ่อย ๆ ทำให้ผู้ป่วยบางรายเบื่อหน่ายต่อการรักษา หรืออาจเคยชินต่ออาการของโรคจนปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป ซึ่งจะมีโอกาสสูงขึ้นในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงดังกล่าว
การป้องกัน
การป้องกันตนเองจากโรคหวัด การแพ้อากาศและมลพิษต่าง ๆ, การหมั่นสั่งน้ำมูกออกเสมอ ไม่สูดกลับเข้าไป, การหลีกเลี่ยงการอยู่ในกลุ่มชนที่แออัด, การงดสูบบุหรี่และสารเสพติด, และการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีอยู่เสมอ จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคไซนัสอักเสบได้
สรุป
โรคไซนัสอักเสบเป็นภาวะอักเสบของโพรงไซนัสจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย อาการมีทั้งเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง โดยมีตั้งแต่อาการไม่รุนแรงจนถึงรุนแรงและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย การรักษาประกอบด้วยการใช้ยา การล้างจมูก และการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขภาพ ลดปัจจัยเสี่ยง และพบแพทย์เมื่อมีอาการต่อเนื่องหรือนานผิดปกติ