โรคท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)
โรคท่อปัสสาวะอักเสบ คือ ภาวะที่เซลล์เยื่อบุท่อปัสสาวะเกิดการอักเสบ บวม หรือบาดเจ็บ สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการติดเชื้อ รองลงมาคือการบาดเจ็บจากการสวนปัสสาวะ หรือการได้รับสารระคายเคือง เช่น น้ำยาทำความสะอาดและสเปรย์ดับกลิ่นที่ใช้บริเวณอวัยวะเพศ โดยการติดเชื้อมักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก ในเพศหญิงยังอาจติดเชื้อจากสิ่งสกปรกบริเวณปากช่องคลอดหรือทวารหนักได้ด้วย เชื้อที่พบบ่อยได้แก่ แบคทีเรียและคลาไมเดีย โดยทั่วไปโรคนี้ไม่รุนแรง และมีโอกาสน้อยที่จะลุกลามจนกลายเป็นกรวยไตอักเสบหรือโรคเรื้อรัง
อาการของโรค
ผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่ตรวจปัสสาวะพบความผิดปกติ โดยเฉพาะในเพศชาย หากมีอาการ มักพบว่า:
- ปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะบ่อยครั้งละน้อย
- มีเลือดหรือหนองปนออกมากับปัสสาวะ
- เจ็บปวดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- ส่วนใหญ่ไม่มีไข้ ยกเว้นกรณีที่เชื้อลุกลาม
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงมักเกิดในเพศหญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะสั้น ทำให้เสี่ยงเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ และกรวยไตอักเสบ ส่วนในเพศชาย อาจพบกลุ่มอาการไรเตอร์ (Reiter’s syndrome: ข้ออักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ และท่อปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง), โรคอัณฑะอักเสบ หรือพัฒนาไปเป็นท่อปัสสาวะอักเสบเรื้อรังในกรณีที่ไม่ได้รับการรักษา
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยอาศัยอาการและการตรวจปัสสาวะ ในเพศชายสามารถวินิจฉัยได้ง่ายกว่า ส่วนในเพศหญิงมักแยกไม่ชัดเจนจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และส่วนใหญ่มักจะถูกระบุว่าเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแทนเพื่อการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่แตกต่างกันของทั้งสองเพศ อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาทั้งสองโรคเหมือนกัน คือต้องอาศัยการเพาะเชื้อปัสสาวะเพื่อระบุเชื้อ
ในทางปฏิบัติ เนื่องจากเชื้อที่พบบ่อยนอกโรงพยาบาลไม่ค่อยดื้อยา แพทย์จึงอาจไม่ส่งเพาะเชื้อเสมอไป เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานานถึง 3 วัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงได้รับการรักษาจากอาการและผลตรวจปัสสาวะเบื้องต้นเป็นหลัก
การรักษา
หากเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ ส่วนกรณีที่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การระคายเคือง ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ คำแนะนำเพิ่มเติม ได้แก่:
- ดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ช่วยชะล้างเชื้อออกจากท่อปัสสาวะ
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการจะหาย
- ผู้ที่มีสายสวนปัสสาวะควรถอดออกในช่วงที่มีการอักเสบ
- หากตรวจพบการติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต้องรักษาคู่นอนด้วย แม้จะไม่มีอาการ
พยากรณ์โรค
โรคท่อปัสสาวะอักเสบส่วนใหญ่มีพยากรณ์โรคที่ดี หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา อาการจะหายได้โดยไม่เกิดผลแทรกซ้อน แต่หากละเลยการรักษา อาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามขึ้นไปถึงกรวยไต กลายเป็นโรคเรื้อรัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อัณฑะอักเสบ และอุ้งเชิงกรานอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ในอนาคต
การป้องกัน
- รักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สเปรย์ดับกลิ่นหรือสบู่แรง ๆ
- ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยขับเชื้อออกจากทางเดินปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงการสวนปัสสาวะโดยไม่จำเป็น
สรุป
โรคท่อปัสสาวะอักเสบเป็นภาวะที่พบบ่อย เกิดได้จากการติดเชื้อ การบาดเจ็บ หรือการระคายเคือง อาการหลักคือปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย และอาจมีหนองหรือเลือดปน หากไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในเพศหญิงและผู้ที่ละเลยการรักษา การวินิจฉัยอาศัยอาการและการตรวจปัสสาวะ ส่วนการรักษาใช้ยาปฏิชีวนะหรือแก้ไขสาเหตุร่วมกับการดูแลสุขภาพทั่วไป โดยมีพยากรณ์โรคที่ดีหากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง การป้องกันที่สำคัญคือการดูแลสุขอนามัยและการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย