โรคเยื่อบุตาอักเสบจากไวรัส (Viral conjunctivitis)
โรคเยื่อบุตาอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ ภูมิแพ้ หรือสารเคมี แต่ที่พบมากที่สุดคือการติดเชื้อไวรัส ซึ่งคนทั่วไปมักเรียกว่า “โรคตาแดง” โรคนี้ติดต่อได้ง่ายเพราะเชื้อไวรัสอยู่ในน้ำตาและขี้ตา หากผู้ป่วยขยี้ตาแล้วไปสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ โดยไม่ล้างมือ ผู้ที่มาจับสิ่งของเหล่านั้นแล้วเผลอขยี้ตาตนเองก็อาจติดโรคได้ แม้โรคนี้โดยทั่วไปไม่รุนแรงและหายเองในไม่กี่วัน แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาอักเสบ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการมองเห็น
เชื้อไวรัสที่พบบ่อย ได้แก่ adenovirus และ picornavirus ส่วนที่ทำให้เกิดการระบาดเป็นกลุ่ม เช่น ในโรงเรียนหรือโรงงาน ได้แก่ enterovirus type 70 และ coxsackie virus A type 24 นอกจากนี้โรคติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ เช่น หัด หัดเยอรมัน คางทูม และเริม ก็สามารถทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบได้เช่นกัน
อาการของโรค
อาการมักเริ่มภายใน 1-3 วันหลังได้รับเชื้อ โดยตาแดงมักเริ่มที่ตาข้างหนึ่งก่อน และลามไปอีกข้างใน 2-3 วันถัดมา ผู้ป่วยจะมีอาการตาแดง เคืองตา น้ำตาไหล ลืมตาไม่สะดวก บางรายมีเยื่อบุตาบวมเป็นตุ่มน้ำใส และมักไม่มีขี้ตา หรือมีเพียงเมือกใสเล็กน้อย อาจพบต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโตและกดเจ็บ ระยะของโรคมักนาน 10-14 วัน
บางรายเมื่ออาการตาแดงทุเลาแล้ว อาจเกิด กระจกตาอักเสบ ทำให้ตามัว ปวดตามากขึ้น โดยเฉพาะเวลากรอกตา และบางครั้งมีไข้ร่วมด้วย มักเกิดในวันที่ 7-10 หลังเริ่มป่วย หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาการนี้อาจยืดเยื้อเป็นเดือน
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคอาศัยจากประวัติและอาการแสดงเป็นหลัก โดยต้องแยกจากโรคอื่นที่ทำให้ตาแดงได้ เช่น
- เยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ มักเป็นสองข้างพร้อมกัน และมีอาการคันตาเด่น
- เยื่อบุตาอักเสบจากแบคทีเรีย มีขี้ตาสีเหลืองข้นคล้ายหนอง
- ม่านตาอักเสบ ม่านตาหดเล็ก สู้แสงไม่ได้
- ภาวะที่กระจกตา เช่น แผลถลอก กระจกตาอักเสบ ซึ่งมักมีอาการปวดตามากและตามัว
- โรคต้อหิน
การตรวจเพิ่มเติม เช่น เพาะเชื้อ ย้อม Gram และ Giemsa ตรวจ ELISA หรือ PCR อาจทำในรายที่อาการรุนแรง สงสัยว่าไม่ใช่ไวรัสปกติ อาการนานเกิน 2 สัปดาห์ หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อย ๆ
การรักษา
ยังไม่มียาต้านไวรัสที่ใช้ได้ผลโดยตรง การรักษามุ่งเน้นการบรรเทาอาการและป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน ได้แก่
- เช็ดขี้ตาด้วยสำลีสะอาดชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว
- ใส่แว่นกันแดดเพื่อลดอาการแพ้แสง และงดใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าจะหาย
- ประคบเย็นรอบดวงตาวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อลดอาการปวด
- รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) 500 มก. ทุก 6 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ
- แพทย์มักให้ ยาปฏิชีวนะหยอดตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ โดยใช้เฉพาะตาข้างที่เป็น เช่น
- Chloramphenicol 0.5% หยอดตา 1 หยด ทุก 6 ชั่วโมง
- หรือ Tobramycin 0.3% หยอดตา 1 หยด ทุก 4-6 ชั่วโมง
- ร่วมกับ Chloramphenicol 1% ขี้ตาป้ายตาก่อนนอน
- ควรล้างมือทุกครั้งหลังหยอดยา และไม่ใช้ยาร่วมกับผู้อื่น
การป้องกัน
โรคเยื่อบุตาอักเสบจากไวรัสแพร่กระจายง่าย ผู้ที่กำลังป่วยควรหยุดเรียนหรือหยุดงาน หลีกเลี่ยงการขยี้ตา และล้างมือบ่อย ๆ รวมถึงงดลงสระว่ายน้ำในช่วงที่มีอาการ
บุคคลทั่วไปควรป้องกันด้วยการไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อย ๆ และไม่ใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตา
สรุป
โรคเยื่อบุตาอักเสบจากไวรัสหรือ “โรคตาแดง” เป็นโรคที่พบได้บ่อย ติดต่อกันง่าย มักหายเองใน 1-2 สัปดาห์ แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาอักเสบ การรักษาส่วนใหญ่เป็นการประคับประคองอาการ และใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตาเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ การป้องกันที่สำคัญคือการล้างมือเป็นประจำ ไม่ขยี้ตา และหลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น