โรคพยาธิตืดวัว (Taeniasis)
โรคพยาธิตืดวัวพบได้บ่อยกว่าพยาธิตืดหมู โดยมีผลกระทบหลักต่อระบบทางเดินอาหารเท่านั้น ยังไม่เคยพบการเกิดซิสติเซอร์คัสของพยาธิตืดวัวในมนุษย์ พยาธิตัวแก่ (Taenia saginata) จะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็กของคน ซึ่งเป็นโฮสต์เฉพาะ
ปล้องแก่ของพยาธิจะหลุดออกมากับอุจจาระ โดยในแต่ละปล้องมีไข่ประมาณ 1,500 ฟอง
เมื่อวัวหรือควาย (โฮสต์กลาง) กินปล้องหรือไข่พยาธิเข้าไป ตัวอ่อนจะไชผ่านผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดหรือน้ำเหลือง แล้วไปฝังตัวในกล้ามเนื้อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ภายใน 60 วันจะเจริญเป็นซิสติเซอร์คัส ซึ่งมีถุงหุ้มรอบตัว เมื่อมนุษย์กินเนื้อวัวหรือควายที่ปรุงไม่สุก
ซิสติเซอร์คัสจะฟักตัวและพัฒนาเป็นพยาธิตัวแก่ในลำไส้เล็กของคนต่อไป
อาการของโรค
ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหารหรือกินเก่งแต่ผอมลง เนื่องจากพยาธิตืดแย่งอาหารในลำไส้ อาจเกิดภาวะลำไส้อุดตันจากพยาธิตัวแก่ที่รวมตัวกันเป็นก้อน หรือเกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบจากการที่หัวพยาธิไชทะลุลำไส้ได้
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยทำได้โดยตรวจอุจจาระเพื่อหาปล้องหรือไข่ของพยาธิ
อย่างไรก็ตามลักษณะของไข่และปล้องของพยาธิตืดหมูกับตืดวัวใกล้เคียงกัน จึงแยกออกได้ยาก ส่วนที่พอช่วยแยกได้คือโครงสร้างของหัวพยาธิ โดยตืดหมูมีปากดูดและมีตะขอเล็ก ๆ ล้อมรอบ ส่วนตืดวัวมีเพียงปากดูด 4 อันเท่านั้น แต่โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องแยกชนิดแน่ชัด เพราะการรักษาใช้วิธีเดียวกัน
การรักษา
ยาฆ่าพยาธิตืดหมูใช้ได้ผลดีกับพยาธิตืดวัวเช่นกัน รวมถึงยาประเภท Mebendazole และ Niclosamide ก็ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Praziquantel : 5–10 มก./กก. รับประทานเพียงครั้งเดียว (single dose)
- Niclosamide : ผู้ใหญ่ 2 กรัม เคี้ยวและกลืนพร้อมน้ำ (ให้ครั้งเดียว)
เด็ก 1 กรัม (อายุ 2–6 ปี) หรือ 1.5 กรัม (อายุ 6–12 ปี) ให้ครั้งเดียวเช่นกัน
- Mebendazole : 100 มก. วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน
การเลือกใช้ยาขึ้นกับความเหมาะสม ความสะดวก และข้อบ่งใช้ของผู้ป่วยแต่ละราย โดย Praziquantel มักใช้เป็นยาหลักเนื่องจากได้ผลดีและใช้เพียงครั้งเดียว
พยากรณ์โรค
โรคพยาธิตืดวัวโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต
แต่หากมีพยาธิจำนวนมากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลำไส้อุดตันหรือการอักเสบของเยื่อบุช่องท้องได้ เมื่อได้รับการรักษาด้วยยาฆ่าพยาธิ ผู้ป่วยมักหายขาดและอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โอกาสกลับมาเป็นซ้ำขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะการกินเนื้อดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ
วิธีป้องกัน
การป้องกันโรคนี้ดีกว่าการรักษา ควรรับประทานเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกเสมอ ล้างผัก ผลไม้ และมือให้สะอาดก่อนการรับประทานทุกครั้ง ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่มีบ่อกักเก็บมิดชิด และไม่ใช้อุจจาระสดเป็นปุ๋ยรดผัด
สรุป
พยาธิตืดวัวเป็นโรคปรสิตที่ติดต่อผ่านการรับประทานเนื้อวัวหรือควายที่ปรุงไม่สุก ก่อให้เกิดความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร และอาจมีภาวะแทรกซ้อนหากมีการติดเชื้อจำนวนมาก การรักษาด้วยยาฆ่าพยาธิ เช่น Praziquantel, Niclosamide หรือ Mebendazole ได้ผลดี และผู้ป่วยส่วนใหญ่มีพยากรณ์โรคที่ดี การป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก ล้างอาหารและมือให้สะอาด และจัดการสุขาภิบาลสิ่งปฏิกูลอย่างถูกต้อง