โรคพาราค็อกสิดิออยโดไมโคสิส (Paracoccidioidomycosis)

โรคพาราค็อกสิดิออยโดไมโคสิสพบมากในลาตินอเมริกาและทวีปอเมริกาใต้ สาเหตุเกิดจากเชื้อรา Paracoccidioides brasiliensis ซึ่งก่อโรคที่มีลักษณะใกล้เคียงกับค็อกสิดิออยโดไมโคสิส แต่จะมีอาการทางผิวหนังรุนแรงกว่า เชื้อนี้เจริญในดินที่มีความชื้นสูง เป็นกรด และอากาศเย็น (18–23°C) โดยอยู่ในรูปเส้นใย แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายคน สัตว์ (เช่น ตัวนิ่ม) หรืออาหารเพาะเชื้อที่อุณหภูมิ 37°C จะเปลี่ยนเป็นรูปยีสต์ซึ่งเป็นตัวก่อโรค

การติดเชื้อเกิดได้ 3 ทางหลัก คือ

  • การหายใจเอาสปอร์หรือเส้นใยของเชื้อเข้าไป
  • การสัมผัสเชื้อผ่านบาดแผลผิวหนัง (มักพบในเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ปลูกกาแฟในบราซิล)
  • การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ

ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการ แต่ตรวจพบจากการทดสอบทางผิวหนัง เมื่อร่างกายอ่อนแอหรือภูมิต้านทานต่ำลง โรคจึงจะแสดงอาการออกมา

อาการของโรค

แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่

  1. แบบเฉียบพลัน (Juvenile paracoccidioidomycosis)

    เกิดภายใน 1–3 สัปดาห์หลังติดเชื้อ พบประมาณ 5–10% ส่วนใหญ่ในเด็กและวัยรุ่น อาการคือมีตุ่มคล้ายสิวขนาดใหญ่ ขอบนูน ตรงกลางบุ๋มสีดำ มักขึ้นที่ใบหน้า รอบจมูกและปาก ต่อมน้ำเหลืองคอโตและแตกเป็นฝี มีตับม้ามโต ซีด และตรวจเลือดพบอีโอสิโนฟิลสูง

  2. แบบเรื้อรัง (Adult paracoccidioidomycosis)

    พบมากที่สุด (80–90%) มักเกิดในผู้ชายวัย 30–50 ปี ผู้หญิงติดเชื้อได้ยากกว่าเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนยับยั้งการเปลี่ยนเชื้อเป็นรูปยีสต์ที่ก่อโรค อาการมักเกิดหลังรับเชื้อหลายปี มีไข้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ไอ หอบเหนื่อย และแผลเรื้อรังในช่องปากทำให้กลืนลำบาก พูดไม่ชัด ฟันหลุดได้ ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย ตับม้ามโต และอาจมีอาการปวดท้องจากต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องโต ภาพเอ็กซเรย์ปอดมักพบรอยโรคกระจายทั้งสองข้าง

  3. แบบแพร่กระจาย (Disseminated paracoccidioidomycosis)

    พบบ่อยในผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ดื่มสุรา และผู้สูบบุหรี่ เชื้อแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดและน้ำเหลืองไปยังหลายอวัยวะ เช่น ผิวหนัง กระดูก สมอง ลำไส้ และต่อมหมวกไต ผู้ป่วยมีไข้สูง ผิวหนังเป็นตุ่มหรือแผล ปวดกระดูก ข้ออักเสบบวม ปวดศีรษะ ปวดท้อง และอาจมีผิวคล้ำขึ้น



การวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยที่แน่นอนทำโดยเพาะเชื้อจากเสมหะ หนอง เลือด ไขกระดูก หรือน้ำไขสันหลัง โดยใช้ Sabouraud dextrose agar ที่อุณหภูมิ 35–37°C นาน 20–30 วัน

การตรวจด้วยน้ำยา KOH หรือ Parker ink อาจเห็นยีสต์ขนาดใหญ่ (20–60 ไมครอน) ผนังหนา และมีหน่อแตกหลายทิศทาง (multiple budding)

การตรวจทางซีโรโลยีที่ช่วยยืนยัน ได้แก่ Paracoccidioidin skin test, Immunodiffusion, Complement fixation, Counter immunoelectrophoresis, ELISA, Western blot, Monoclonal antibodies และ PCR

การรักษา

ยาที่ใช้ได้ผลดี ได้แก่ Itraconazole, Ketoconazole, TMP-SMZ และ Amphotericin B (ใช้ในรายที่รุนแรงหรือแพร่กระจาย) ระยะเวลาการรักษานาน 6–18 เดือน

พยากรณ์โรค

หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีโอกาสหายขาดหรือควบคุมโรคได้ดี แต่การรักษาต้องใช้เวลานาน หากไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อเรื้อรัง การแพร่กระจายไปยังอวัยวะสำคัญ เช่น ปอด สมอง หรือต่อมหมวกไต ทำให้พยากรณ์โรคแย่ลง โดยเฉพาะในผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสดินหรือฝุ่นในพื้นที่ชื้นและเย็นที่เป็นแหล่งของเชื้อ
  • ใช้หน้ากากป้องกันในอาชีพที่เสี่ยง เช่น เกษตรกร
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อผ่านบาดแผลและล้างมือหลังการทำงานกับดิน
  • รักษาภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การดื่มสุราและสูบบุหรี่

สรุป

โรคพาราค็อกสิดิออยโดไมโคสิสเป็นโรคเชื้อราที่พบในทวีปอเมริกาใต้ ติดเชื้อได้จากการหายใจ การสัมผัสบาดแผล หรือการกินอาหารปนเปื้อน เชื้อก่อโรคได้ทั้งแบบเฉียบพลัน เรื้อรัง และแพร่กระจาย การวินิจฉัยต้องอาศัยการเพาะเชื้อและตรวจทางห้องปฏิบัติการ การรักษาต้องใช้ยาต้านเชื้อราเป็นเวลานาน การป้องกันที่ดีและการตรวจรักษาอย่างรวดเร็วมีความสำคัญต่อการลดความรุนแรงและการเสียชีวิตจากโรคนี้