ยาต้านไวรัสเอดส์ (Antiretrovirals)
ยาต้านไวรัสเอดส์มี 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- Reverse transcriptase inhibitors ยับยั้งขบวนการคัดลอก RNA ไปเป็น DNA ของไวรัส (reverse transcription) ยากลุ่มนี้ยังแบ่งย่อยเป็นกลุ่ม
- Nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTIs) ได้แก่ Abacavir (ABC), Didanosine (ddI), Emtricitabine (FTC), Lamivudine (3TC), Stavudine (d4T), Tenofovir (TDF), Zalcitabine (ddC), Zidovudine (AZT)
- Non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs) ได้แก่ Delavirdine (DLV), Efavirenz (EFV), Etravirine (ETR), Nevirapine (NVP), Rilpivirine (RPV)
- Protease inhibitors (PIs) ยับยั้งการสร้างโปรตีนของไวรัส ยากลุ่มนี้ได้แก่ Darunavir (DRV), Indinavir (IDV), Nelfinavir (NFV), Ritonavir (RTV), Saquinavir (SQV), Kaletra® (lopinavir/ritonavir, LPV/r), Reyataz® (atazanavir/ritonavir, ATV/r) เป็นต้น
- Integrase strand transfer inhibitors (INSTIs) ยับยั้งไม่ให้ DNA ของไวรัสรวมตัวกับ DNA ของคน ยากลุ่มนี้ได้แก่ Dolutegravir (DTG), Elvitegravir (EVG), Raltegravir (RAL) เป็นต้น
- Entry/Fusion inhibitors ยับยั้งไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ได้ ยากลุ่มนี้ได้แก่ Enfuvirtide (INN), Maraviroc (EVG) เป็นต้น
แนวทางการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ของประเทศไทย ออกโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ปี 2557 คือเริ่มให้เมื่อ CD4 < 500 cells/mm3 โดยมีสูตรแนะนำและสูตรทางเลือกดังนี้
| NRTIs | | NNRTIs | | ยาตัวที่สามอื่นๆ |
สูตรแนะนำ | Truvada® (Tenofovir/Emtricitabine) | + | Efavirenz | ในกรณีที่ผู้ป่วย
ไม่สามารถกินยา
NNRTIs ได้ ➜ | ritonavir-boosted Lopinavir (LPV/r) |
Tenofovir + Lamivadine |
สูตรทางเลือก | Abacavir + Lamivadine | Rilpivirine | ritonavir-boosted Atazanavir (ATV/r) |
Zidovudine + Lamivadine | Nevirapine |
สูตรยาต้านไวรัสในเด็กติดเชื้อเอชไอวี คือ 2 NRTIs + NNRTI หรือ Boosted PI
- 2 NRTIs ที่แนะนำเป็นอันดับแรก
- เด็กติดเชื้อเอชไอวีอายุ ≤ 12 ปี แนะนำ AZT/3TC หรือ ABC/3TC
- เด็กติดเชื้อเอชไอวีอายุ > 12 ปี แนะนำ TDF/3TC
- NNRTI หรือ boosted PI ที่แนะนำเป็นอันดับแรก
- เด็กติดเชื้อเอชไอวีอายุ < 3 ปี แนะนำให้ใช้ LPV/r
- เด็กติดเชื้อเอชไอวีอายุ ≥ 3 ปี แนะนำให้ใช้ EFV
กรณีจะใช้ Rilpivirine ต้องมีการตรวจปริมาณ Viral load ก่อนเริ่มยาเสมอและถ้า Viral load > 100,000 copies/mL ไม่ควรใช้ เนื่องจากมีโอกาสรักษาแล้วล้มเหลวสูง
กรณีที่มีการใช้ยา Abacavir พึงระวังเสมอว่าอาจจะเกิดปฏิกิริยาแพ้รุนแรงได้ ให้สังเกตอาการแพ้ดังต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ข้อในช่วง 6 สัปดาห์แรกที่เริ่มยา
- ไข้
- อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย
- อาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง
- อาการของระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ หายใจลำบาก คออักเสบ
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผิดปกติ เช่น เอ็นไซม์ตับผิดปกติ, creatine phosphokinase เพิ่มสูงขึ้น, เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ลดต่ำลง, มีฝ้าในภาพถ่ายรังสีทรวงอก เป็นต้น
หากสงสัยว่าอาจจะแพ้ยาให้หยุดทันที และไม่ควรให้ยาซ้ำ เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้อย่างรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต และห้ามใช้ Abacavir ในผู้ที่มีปัญหาตับแข็งที่มี Child-Pugh Score 7-12
สูตรยาต้านไวรัสเอดส์ที่ไม่ควรใช้
- 1 NRTI + 1 NNRTI หรือ 1 NRTI + 1 PI ที่ไม่ boosted Ritonavir หรือ 1 NRTI + RAL หรือ 2 NRTIs
- การรักษาด้วยยาต้านไวรัสชนิดเดียว หรือสูตรยาที่มี NRTIs เพียง 2 ชนิด เพราะจะลดปริมาณเชื้อเอชไอวีได้ไม่เต็มที่ ประสิทธิผลน้อยกว่าการให้ยาแบบหลายชนิดร่วมกัน และทำให้เกิดการดื้อต่อยาได้อย่างรวดเร็ว
- d4T + AZT เพราะต้านฤทธิ์กัน
- FTC + 3TC เพราะเป็นยากลุ่มเดียวกันและมีแบบแผนของการดื้อยาเหมือนกัน
- TDF + ddI เพราะมีปฏิกิริยาระหว่างยา ทำให้ผลข้างเคียงจากยา ddI มากขึ้น
- d4T + ddI เพราะทำให้เกิดอาการชาปลายมือปลายเท้า, ตับอ่อนอักเสบ, ภาวะกรดในเลือดสูงขึ้น และมีรายงานหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตจากการให้ยา 2 ชนิดนี้ร่วมกัน
- Triple NRTIs ได้แก่ TDF + 3TC + ABC เพราะโอกาสล้มเหลวสูง
- NVP เป็นยาสูตรแรกในผู้ชายที่มี CD4 > 400 cells/mm3 หรือในผู้หญิงที่มี CD4 > 250 cells/mm3
- ใช้ 2 NNRTIs เพราะเกิดผลข้างเคียงได้ง่าย
- ATV + IDV เพราะจะมีโอกาสเกิด hyperbilirubinemia และนิ่วในไตมากขึ้น