โรคฝีอะมีบ้าที่ตับ (Amoebic liver abscess)

ฝีอะมีบ้าที่ตับเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดของโรคบิดมีตัว โดยพบมากในเพศชายอายุระหว่าง 30–50 ปี ส่วนในเด็กพบได้น้อยมาก เชื้ออะมีบาที่อยู่ในลำไส้สามารถแพร่ไปยังตับได้ 2 เส้นทางหลัก คือ

  1. ทางกระแสโลหิต โดยแผลบิดที่ลำไส้ใหญ่กินลึกถึงหลอดเลือด แล้วเชื้อผ่านเข้าทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ตับ
  2. ทะลุเข้าตับโดยตรงจากลำไส้ใหญ่ส่วนที่ติดกับตับ

พยาธิสภาพ

เมื่ออะมีบาเข้าสู่ตับ จะไปอุดตันแขนงของหลอดเลือดดำภายในตับ ทำให้เนื้อตับขาดเลือดตายและกลายเป็นหนอง เชื้ออะมีบาจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในโพรงหนองจนเกิดฝีขนาดใหญ่ โดยทั่วไปฝีอะมีบ้าที่ตับมักเป็นโพรงเดี่ยวขนาดใหญ่ ซึ่งต่างจากฝีจากเชื้อแบคทีเรียที่มักเป็นหลายหัวขนาดเล็ก ตำแหน่งที่พบบ่อยคือบริเวณกลีบขวาของตับ

ลักษณะหนองของฝีอะมีบ้าที่ตับจะมีความข้น เหนียว สีน้ำตาลคล้ายกะปิ และไม่มีกลิ่น ต่างจากฝีแบคทีเรียที่มีกลิ่นเหม็นและมีสีเหลืองเขียว การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์มักไม่พบแบคทีเรีย แต่สามารถพบตัวโทรโฟซอยต์ของอะมีบาได้ประมาณ 50% เนื่องจากเชื้อส่วนใหญ่อยู่บริเวณขอบโพรงหนองที่ติดกับเนื้อตับที่ยังปกติ ดังนั้น การดูดหนองมาตรวจหาตัวเชื้อทำได้ยาก จึงต้องอาศัยหลักฐานทางคลินิกและการตรวจอื่น ๆ ประกอบ

หากฝีอยู่ใกล้ผิวตับด้านบน อาจแตกเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอดขวาและก่อให้เกิดหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด แต่หากอยู่ใกล้ผิวตับด้านล่าง อาจแตกเข้าสู่ช่องท้องและทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบรุนแรง

อาการของโรค

ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการเจ็บบริเวณชายโครงขวาและมีไข้ บางรายอาจเจ็บร้าวไปถึงไหล่ขวา หากฝีอยู่ที่กลีบซ้ายของตับ อาจมีอาการเจ็บตรงลิ้นปี่แทน อาการมักค่อย ๆ รุนแรงขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ โดยไข้สูงขึ้นและอาการเจ็บปวดชัดเจนขึ้น ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการตาเหลือง แต่ประมาณ 1 ใน 4 อาจมีอาการเหลืองเล็กน้อย บริเวณชายโครงขวามักโป่งนูน กดเจ็บ และตึง

หากฝีแตกเข้าช่องเยื่อหุ้มปอด อาการเจ็บตึงชายโครงขวาอาจทุเลาลงช่วงหนึ่ง แต่จะกลับมาเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะเวลา หายใจเข้า ในกรณีที่ฝีแตกเข้าช่องท้อง อาการเจ็บจะลุกลามและรุนแรงมากขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

การวินิจฉัย

การวินิจฉัยอาศัยการซักประวัติ การตรวจทางรังสีวิทยา การตรวจทางซีโรโลยี และการดูดหนองมาตรวจ โดยต้องแยกโรคจากฝีแบคทีเรียในตับ ซึ่งมักมีอาการรุนแรงกว่า เช่น ไข้สูง ตาเหลืองชัดเจน ทรุดเร็ว หนองมีลักษณะเป็นหัวหลายหัว สีเหลืองเขียว และมีกลิ่นเหม็น รวมทั้งต้องแยกโรคจากมะเร็งตับและถุงน้ำจากเชื้อปรสิตชนิดอื่น ๆ ด้วย



การรักษา

การรักษาหลักคือการให้ยาฆ่าเชื้อบิด หากโพรงหนองมีขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตร ควรเจาะระบายหนองวันเว้นวันควบคู่กับการรักษาด้วยยา เพื่อป้องกันการแตกของฝีและช่วยให้อาการทุเลาเร็วขึ้น

การป้องกัน

การเกิดฝีอะมีบ้าที่ตับมีสาเหตุมาจากการรับประทานซิสต์ของอะมีบาที่ปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำดื่ม ดังนั้นการรักษาสุขอนามัยในการกินและดื่มจึงเป็นวิธีป้องกันที่สำคัญที่สุด เช่น การล้างมือให้สะอาด การดื่มน้ำสะอาด และการหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ

สรุป

โรคฝีอะมีบ้าที่ตับเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงจากโรคบิดมีตัว พบได้บ่อยในผู้ชายวัยทำงาน ตัวเชื้อสามารถเข้าสู่ตับได้ทั้งทางกระแสเลือดและการลุกลามโดยตรง เมื่อเกิดฝีมักมีลักษณะเป็นโพรงหนองเดี่ยวขนาดใหญ่ มีสีและลักษณะเฉพาะ ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บชายโครงขวาและไข้สูง ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายคือการแตกเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอดหรือช่องท้อง การรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อร่วมกับการเจาะหนองในกรณีฝีขนาดใหญ่สามารถช่วยลดความรุนแรงได้ การป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยในการกินและดื่ม เพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย