โรคไซโตเมกะโลไวรัสแต่กำเนิด (Congenital cytomegalovirus infection)

หากมารดาติดเชื้อไซโตเมกะโลไวรัส (CMV) ระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก ทารกมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และเกิดเป็นโรคไซโตเมกะโลไวรัสแต่กำเนิดได้ ในบรรดาทารกที่ติดเชื้อ จะมีเพียงประมาณร้อยละ 10 ที่แสดงอาการตั้งแต่แรกคลอด อาการที่พบได้แก่ น้ำหนักแรกเกิดน้อย ตับม้ามโต เกล็ดเลือดต่ำ และมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ส่วนอีกร้อยละ 90 มักไม่มีอาการชัดเจนตั้งแต่แรกเกิด แต่จะค่อย ๆ แสดงอาการเมื่อโตขึ้น เช่น พัฒนาการช้า หูหนวก ชัก ตามองไม่เห็น พิการทางสมอง (cerebral palsy) หรือปัญญาอ่อน

นอกจากนี้ หากทารกไม่ได้รับเชื้อจากรกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ยังอาจติดเชื้อภายหลังคลอดจากการคลอดทางช่องคลอดหรือจากการดื่มน้ำนมมารดา อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อในลักษณะนี้มักไม่ก่อให้เกิดอาการ และกลับช่วยสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ

การวินิจฉัย

การวินิจฉัยโรคไซโตเมกะโลไวรัสแต่กำเนิดทำได้โดยตรวจพบหลักฐานของเชื้ออย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

  1. เพาะเชื้อไซโตเมกะโลไวรัสได้จากปัสสาวะ
  2. ตรวจพบแอนติเจนของเชื้อโดยวิธี PCR
  3. ตรวจทางซีโรโลยีพบ CMV IgM antibody เพิ่มสูงในสัปดาห์แรกที่เริ่มมีอาการ

ทั้งนี้ จำเป็นต้องวินิจฉัยแยกโรคออกจากการติดเชื้ออื่นที่คล้ายกัน เช่น โรคท็อกโซพลาสโมซิสแต่กำเนิด และโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด



การรักษา

ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาโรคไซโตเมกะโลไวรัสแต่กำเนิดโดยตรง ยา ganciclovir เคยถูกนำมาใช้ แต่มีรายงานว่าอาจทำให้อาการหูหนวกแย่ลง การรักษาส่วนใหญ่จึงเป็นแบบประคับประคอง ได้แก่ การทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูพัฒนาการ และการจัดการศึกษาในรูปแบบเด็กพิเศษเพื่อช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาศักยภาพได้มากที่สุด

พยากรณ์โรค

ทารกที่ติดเชื้อและมีอาการรุนแรงตั้งแต่แรกเกิด มักมีพยากรณ์โรคไม่ดี โดยอาจเสียชีวิตตั้งแต่ในช่วงทารกแรกเกิด หรือมีความพิการถาวร เช่น พัฒนาการช้า ปัญญาอ่อน หูหนวก หรือพิการทางสมอง ส่วนทารกที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการตั้งแต่แรกเกิด ถึงแม้ดูปกติ แต่ยังคงมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต เช่น สูญเสียการได้ยินหรือพัฒนาการล่าช้า

สรุป

โรคไซโตเมกะโลไวรัสแต่กำเนิดเป็นโรคที่เกิดจากการที่มารดาติดเชื้อ CMV ระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงครรภ์ต้นและกลาง ทารกที่ติดเชื้ออาจมีอาการตั้งแต่แรกคลอดหรือแสดงอาการภายหลัง เช่น พัฒนาการช้า หูหนวก หรือปัญญาอ่อน การวินิจฉัยอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การเพาะเชื้อ การตรวจ PCR และการตรวจ CMV IgM การรักษาเฉพาะยังไม่มี แต่สามารถช่วยเหลือด้วยการทำกายภาพบำบัดและการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษ พยากรณ์โรคขึ้นกับความรุนแรงของอาการตั้งแต่แรกเกิด การป้องกันการติดเชื้อ CMV ระหว่างตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด