โรคพยาธิไฮดาติด (Echinococcosis, Hydatid disease, Hydatidosis)

โรคนี้ส่วนใหญ่พบในต่างประเทศ ในประเทศไทยพบไม่มากนัก เกิดจากพยาธิตัวตืด Echinococcus มี 3 สายพันธุ์ คือ E. granulosus, E. multilocularis และ E. obligarthrus คนติดโรคโดยการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของอุจจาระของสัตว์ที่มีพยาธิตัวตืดชนิดนี้อยู่ในลำไส้

ตัวแก่ของพยาธิไฮดาติดอาศัยอยู่ในลำไส้ของสัตว์กินเนื้อทั้งหลาย โดยเฉพาะสุนัขและแมว ตัวแก่ปล่อยปล้องออกมากับอุจจาระของสัตว์ จากนั้นปล้องจะแตก และปล่อยไข่เป็นจำนวนมากออกมากระจายตามพื้นดิน เมื่อคนหรือพวกสัตว์กินพืช เช่น แกะ วัว ควาย กินอาหารที่มีไข่พยาธิชนิดนี้ปะปนเข้าไป ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนในลำไส้ แล้วไชทะลุุผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด และถูกพัดไปติดตามอวัยวะต่าง ๆ เจริญเป็นถุงน้ำไฮดาติด (hydatid cyst) ตามอวัยวะต่าง ๆ ต่อไป เมื่อสัตว์กินเนื้อมากินอวัยวะของสัตว์ที่มี cyst อยู่ พยาธิไฮดาติดก็จะเจริญไปเป็นตัวแก่เพศผู้และเพศเมียในลำไส้ ผสมพันธุ์และปล่อยปล้องที่มีไข่ออกมาในอุจจาระต่อไปจนครบวงจรชีวิตของมัน

อาการของโรค

อาการขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของถุงน้ำ โดยทั่วไปมักใช้เวลานาน 5–20 ปีหลังติดเชื้อกว่าจะเริ่มแสดงอาการ ร้อยละ 80–90 ของผู้ป่วยพบถุงน้ำที่ปอดและตับ

  • ที่ปอด: มีอาการไอ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หากถุงน้ำแตกอาจไอเป็นเลือด หรือมีลมและหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด บางรายอาจเกิดอาการภูมิแพ้ต่อสารในถุงน้ำ ทำให้เกิดลมพิษหรือหอบหืด
  • ที่ตับ: ถุงน้ำอาจกดท่อน้ำดี ทำให้เกิดภาวะน้ำดีอุดตัน ตับโต ตัวเหลือง และมีอาการบวมที่ขา

การวินิจฉัย

ถุงน้ำไฮดาติดสามารถเห็นได้จากภาพเอกซเรย์ ถ้าเป็นที่ตับหรือสมองการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์จะช่วยให้เห็นได้ชัดขึ้น การยืนยันโรคที่แน่นอนทำได้โดยผ่าตัดนำชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา ซึ่งจะพบตัวอ่อนระยะ scolices อยู่ภายในถุงน้ำ

กรณีที่เอกซเรย์พบแต่ไม่สามารถเอาชิ้นเนื้อออกมาตรวจได้ อาจตรวจหาแอนติบอดี้ด้วยวิธี indirect hemagglutination test และ enzyme-linked immuno-sorbent assay (ELISA) เพื่อช่วยในการวินิจฉัย หรือทำ skin test โดยใช้น้ำจากถุงน้ำไฮดาติดในจากคนหรือสัตว์ที่ทำให้ปราศจากจุลชีพก็ช่วยในการวินิจฉัยได้



การรักษา

วิธีรักษาหลักคือการผ่าตัดเอาถุงน้ำออก แต่มีความเสี่ยงหากก้อนมีขนาดใหญ่หรืออยู่ลึก เนื่องจากอาจทำให้ถุงน้ำแตกได้ หลังผ่าตัดจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าพยาธิร่วมด้วย

ยาที่ฆ่าพยาธิไฮดาติดในระยะซิสต์ได้คือ Albendazole และ Mebendazole แต่ได้ผลไม่ค่อยดีนัก จึงต้องให้นานถึง 2 ปี โดยจะให้รับประทานทุกวันนาน 4 สัปดาห์ แล้วเว้นไป 1-2 สัปดาห์ค่อยเริ่มรอบใหม่

วิธีป้องกัน

จะเห็นว่าโรคพยาธิไฮดาติดนี้รักษายาก ดังนั้นการป้องกันจึงดีกว่าการรักษา เราสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการล้างผัก ผลไม้ และมือให้สะอาดก่อนการรับประทานทุกครั้ง เก็บกวาดอุจจาระของสัตว์เลี้ยงให้ดี ล้างมือทุกครั้งหลังเล่นกับสัตว์

สรุป

โรคพยาธิไฮดาติดเกิดจากการติดเชื้อพยาธิตัวตืด Echinococcus โดยมีวงจรชีวิตเกี่ยวข้องกับสัตว์กินเนื้อและสัตว์กินพืช อาการมักเกิดขึ้นช้าและพบมากที่ตับและปอด การวินิจฉัยอาศัยการตรวจภาพถ่ายทางรังสี การตรวจภูมิคุ้มกัน และการตรวจชิ้นเนื้อ การรักษาหลักคือการผ่าตัดร่วมกับการใช้ยา Albendazole หรือ Mebendazole แต่ผลลัพธ์ไม่แน่นอน การป้องกันโดยการรักษาสุขอนามัยและการจัดการสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้องเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด