โรคพยาธิใบไม้ในลำไส้ (Fasciolopsiasis)

โรคนี้เกิดจากพยาธิใบไม้ในลำไส้เล็กชื่อ Fasciolopsis buski พบมากในภาคกลางของไทย คนและหมูเป็นโฮสต์ที่สำคัญ พยาธิตัวแก่อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก และจะวางไข่ออกมากับอุจจาระ เมื่อไข่ตกลงไปในน้ำจะฟักออกเป็นตัวอ่อนและไชเข้าหอยน้ำจืด เจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนระยะเซอร์คาเรีย (cercaria) แล้วออกจากหอยไปเกาะตามพืชน้ำ เช่น กระจับ สายบัว ผักบุ้ง แห้วจีน ผักตบชวา รากบัว เป็นต้น ตัวอ่อนจะเริ่มมีซิสต์หุ้มตัว เมื่อคนกินกระจับหรือพืชน้ำดิบ ๆ พยาธิจะหลุดออกจากซิสต์ เจริญเป็นตัวแก่ในเยื่อบุของลำไส้เล็กส่วนต้น

อาการของโรค

อาการมีได้ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรงขั้นเสียชีวิต ผู้ป่วยที่มีอาการน้อยจะมีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน รายที่มีพยาธิเป็นจำนวนมากจะปวดท้องตลอดเวลา ถ่ายเป็นน้ำวันละหลายครั้ง อุจจาระสีเหลืองเขียว บางครั้งจะมีตัวพยาธิออกมาด้วย ผู้ป่วยมักอยู่ในภาวะขาดอาหารด้วย จะบวมทั้งตัว ท้องมาน ผิวหนังแห้ง ซีด ระดับอัลบูมินในเลือดต่ำ น้ำหนักลด

การวินิจฉัย

วินิจฉัยโรคได้ง่ายโดยการตรวจอุจจาระพบไข่พยาธิหรือตัวแก่ออกมา ไข่พยาธิชนิดนี้มีขนาดใหญ่กว่าไข่ของหนอนพยาธิทั่วไป ลักษณะกลมรีเหมือนไข่เป็ดหรือไข่ไก่ และไม่มีฝาปิดที่หัวหรือก้นเหมือนอย่างไข่พยาธิชนิดอื่น

การรักษา

ยาถ่ายพยาธิหลายชนิดได้ผลดีกับพยาธิใบไม้ในลำไส้ เช่น Praziquantel, Niclosamide, Tetrachlorethylene ในรายที่มีพยาธิเป็นจำนวนมากควรให้ยาซ้ำอีกครั้งหลังจากการรักษาครั้งแรกประมาณ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรให้การรักษาภาวะขาดสารอาหารและเกลือแร่ร่วมด้วย

การป้องกัน

ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานพืชน้ำสด ๆ แม้ว่าจะล้างน้ำแล้ว เพราะตัวอ่อนของพยาธิมีขนาดเล็กและอาจซ่อนอยู่ในซอกใบหรือภายในลำต้น การต้มพืชน้ำให้สุกก่อนรับประทานเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด

สรุป

โรคพยาธิใบไม้ในลำไส้เป็นโรคที่เกิดจากการบริโภคพืชน้ำดิบที่มีตัวอ่อนของพยาธิ อาการอาจตั้งแต่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นรุนแรงถึงชีวิต การวินิจฉัยทำได้โดยตรวจอุจจาระ ส่วนการรักษาสามารถใช้ยาถ่ายพยาธิที่มีประสิทธิภาพและเสริมด้วยการแก้ไขภาวะขาดสารอาหาร การป้องกันที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงการกินพืชน้ำสด ๆ และควรทำให้สุกก่อนรับประทาน หากดูแลรักษาและป้องกันอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายได้โดยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง