โรคลีเจินแนรส์ (Legionnaires' disease)

โรคลีเจินแนรส์เป็นโรคปอดบวมชนิดหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ 2 อย่าง คือ

  1. มักแสดงความผิดปกติของระบบอื่นร่วมกับอาการทางปอด
  2. แม้จะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แต่การย้อมเสมหะโดยวิธี Gram stain โดยทั่วไปมักมองไม่เห็นเชื้อ เพราะเชื้อมีขนาดเล็กและติดสีจางมาก ต้องย้อมด้วยวิธีพิเศษ เช่นเดียวกับการเพาะเชื้อ ต้องใช้อาหารเลี้ยงเชื้อชนิดพิเศษ

โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ Legionella pneumophila ซึ่งมักพบในสิ่งแวดล้อมที่มีน้ำ การติดต่อเกิดจากการสูดดมละอองน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น จากเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องพ่นละอองน้ำ

อาการของโรค

ระยะฟักตัวประมาณ 2-10 วัน อาการเริ่มแรกมักมีอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมาจะมีไข้สูง หนาวสั่น ไอแห้งหรือไอมีเสมหะใส และเจ็บหน้าอกเวลาหายใจ

นอกจากอาการทางปอดแล้ว ยังพบความผิดปกติในระบบอื่น ได้แก่

  • ระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย หรือถ่ายเป็นเลือด
  • ระบบประสาท: กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินเซ สับสน เพ้อ หรือหมดสติ
  • ระบบไต: ไตวายเฉียบพลัน

โรคนี้มีการดำเนินที่รวดเร็ว โดยเฉพาะใน 4-6 วันแรก ผู้ป่วยอาจหอบ เขียว หายใจล้มเหลว และอัตราการเสียชีวิตในสัปดาห์แรกอาจสูงถึง 15% เนื่องจากการตรวจหาเชื้อทำได้ยาก

การวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยโรคอย่างแน่ชัดต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากเชื้อต้องตรวจด้วยการย้อมพิเศษ เช่น dieterle silver impregnation stain และการเพาะเชื้อต้องใช้อาหารวุ้น Buffered CYE ที่มี cysteine โดยเชื้อจะเจริญช้า ใช้เวลาประมาณ 3-5 วันจึงเห็นโคโลนี

ผู้ป่วยที่มีปอดบวมเฉียบพลัน อาการทรุดเร็ว ย้อมเสมหะไม่พบเชื้อ และมีอาการทางระบบประสาท ควรนึกถึงโรคนี้เป็นอันดับแรก การตรวจทางซีโรโลยี เช่น IFA หรือ ELISA ช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยได้เร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการตรวจ PCR ดังนั้น ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงควรเริ่มให้ยาครอบคลุมเชื้อลีเจียนแนร์สก่อน โดยไม่จำเป็นต้องรอผลทางห้องปฏิบัติการ



การรักษา

เชื้อลีเจียนแนร์สตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะหลายกลุ่ม ได้แก่

  • Fluoroquinolones (เช่น Levofloxacin, Moxifloxacin) – เหมาะสำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรง เริ่มต้นให้แบบฉีด จากนั้นเปลี่ยนเป็นยารับประทานต่อเนื่อง
  • Macrolides (เช่น Azithromycin, Erythromycin)
  • Tetracyclines (เช่น Doxycycline)

อาการผู้ป่วยมักดีขึ้นภายใน 3-5 วันหลังการรักษา แต่ควรให้ยาต่อเนื่องอย่างน้อย 10-14 วัน ส่วนผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะหรือผู้ติดเชื้อ HIV แนะนำให้ยานานถึง 21 วัน

การป้องกัน

มาตรการสำคัญคือการควบคุมแหล่งน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อ โดย

  • ทำความสะอาดและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ
  • ใช้น้ำกลั่นหรือน้ำที่ผ่านแสง UV ในเครื่องพ่นละอองน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำประปาในเครื่องทำความเย็นหรือเครื่องพ่นละอองน้ำ

สรุป

โรคลีเจียนแนร์สเป็นโรคปอดบวมรุนแรงที่สามารถกระทบหลายระบบในร่างกาย มีการดำเนินโรคเร็วและตรวจยืนยันได้ยาก ผู้ป่วยที่มีปอดบวมเฉียบพลันและมีอาการผิดปกติของระบบอื่นควรนึกถึงโรคนี้ การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเฉพาะ เช่น Fluoroquinolones หรือ Macrolides ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างมาก การดูแลความสะอาดระบบน้ำและเครื่องปรับอากาศเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคนี้