โรคโปลิโอ (Poliomyelitis)
โรคโปลิโอเป็นโรคติดเชื้อไวรัสเฉียบพลันที่ร้ายแรงของระบบประสาท และเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะขาพิการในเด็ก เกิดจากเชื้อโปลิโอไวรัส (poliovirus) ที่เข้าสู่ร่างกายทางการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ เมื่อเชื้อเข้าสู่ลำไส้ หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพียงพอ เชื้อจะถูกทำลาย ถ้าภูมิคุ้มกันมีน้อย เชื้อจะเข้าสู่ไขสันหลัง เข้าไปทำลายเซลล์ประสาทสั่งการ (motor neuron) ที่ไขสันหลังส่วนหน้า (anterior horn cells) เซลล์ประสาทที่ตายจะส่งผลให้กล้ามเนื้อที่รับคำสั่งจากเซลล์ประสาทตั้งแต่ระดับที่ตายลงมาเป็นอัมพาตทั้งหมด
อาการของโรค
อาการของผู้ป่วยโรคโปลิโอจะเริ่มด้วยไข้ เจ็บคอ ท้องเสีย เบื่ออาหาร อาการเป็นอยู่ 2-3 วันก็จะดีขึ้น ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะมีอาการเพียงเท่านี้แล้วก็หายสนิท อีกส่วนหนึ่งจะเริ่มมีไข้ใหม่ในอีก 2-3 วันต่อมา คราวนี้จะปวดศีรษะ อาเจียน ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อต้นขา มีอาการระคายของเยื่อหุ้มสมอง ไม่นานขาข้างหนึ่งจะเป็นอัมพาต ขยับไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นข้างเดียว ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเป็นทั้งสองข้าง ขาข้างที่เป็นอัมพาตยังรับรู้ความรู้สึกได้ปกติ
ในรายที่รุนแรง เชื้อสามารถทำลายถึงก้านสมอง ทำให้เกิดอัมพาตทั่วร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้อใบหน้า กล้ามเนื้อที่ใช้กลืน และกล้ามเนื้อหายใจ ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก พูดเสียงขึ้นจมูก สำลักอาหารและน้ำ หายใจไม่อิ่ม และมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 5-10%
เมื่อผ่านไปประมาณสองสัปดาห์ อาการไข้ ปวดศีรษะ และอาการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมองจะหายไป แต่ความพิการจากอัมพาตมักจะคงอยู่ถาวร
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยอาศัยอาการทางคลินิกร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผู้ป่วยจะมีอาการอัมพาตแบบกล้ามเนื้ออ่อนนิ่ม (flaccid paralysis) ลักษณะไม่สมมาตร และยังคงรับความรู้สึกได้ปกติ การตรวจน้ำไขสันหลังมักพบเซลล์เม็ดเลือดขาว 10-200 ตัว/ลบ.มม. ส่วนใหญ่เป็นลิมโฟไซต์ มีโปรตีนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่น้ำตาลปกติ
การเพาะเชื้อจากน้ำไขสันหลัง อุจจาระ หรือเมือกจากคอสามารถยืนยันการติดเชื้อได้ แต่ใช้เวลาในการตรวจยืนยัน นอกจากนี้ยังสามารถตรวจหาแอนติบอดีโปลิโอในเลือด โดยต้องตรวจสองครั้งห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์ หากไตเตอร์เพิ่มขึ้น 4 เท่า แสดงถึงการติดเชื้อเฉียบพลัน
สิ่งสำคัญคือต้องแยกโรคโปลิโอออกจากโรคอื่นที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น Guillain-Barré syndrome, โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัสอื่น ๆ, โรคปลายประสาทอักเสบ, โบทูลิซึ่ม, tick-bite paralysis, มะเร็งระยะแพร่กระจาย และโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาเฉพาะสำหรับโรคโปลิโอ การดูแลรักษาในระยะเฉียบพลันเน้นที่การบรรเทาอาการ ได้แก่ การให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยานอนหลับ และการพักผ่อนอย่างเพียงพอ หลังจากสองสัปดาห์ แพทย์จะประเมินความสูญเสียของกล้ามเนื้อ และเริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ยังทำงานอยู่ชดเชยส่วนที่สูญเสีย
พยากรณ์โรค
พยากรณ์โรคของผู้ป่วยโปลิโอแตกต่างกันตามความรุนแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อจะไม่มีอาการรุนแรงและหายได้เอง แต่ในรายที่เกิดอัมพาต ความพิการมักถาวรและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก หากเชื้อทำลายถึงก้านสมองจะมีความเสี่ยงเสียชีวิตสูงถึง 5-10% อย่างไรก็ตาม หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ร่วมกับกายภาพบำบัดตั้งแต่ระยะเริ่มแรก สามารถช่วยลดความพิการและเพิ่มความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันได้
การป้องกัน
การป้องกันโรคโปลิโอที่ได้ผลที่สุดคือการได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนตามกำหนด โดยควรให้เด็กทุกคนได้รับวัคซีนโปลิโอเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและหยุดการแพร่กระจายของโรค
สรุป
โรคโปลิโอเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่อันตรายและอาจทำให้เกิดอัมพาตถาวรหรือเสียชีวิตได้ แม้จะยังไม่มียารักษาเฉพาะ แต่การดูแลรักษาที่เหมาะสมและการทำกายภาพบำบัดช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ในระดับหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันด้วยวัคซีน ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมโรคและป้องกันความพิการถาวรจากโปลิโอ